วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ฮาเมส โรดริเกซ

ประวัติของ ฮาเมส โรดริเกซ




พนันบอลออนไลน์



ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม ฮาเมส ดาบิด โรดริเกซ รูบิโอ


วันเกิด 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 (23ปี)


สถานที่เกิด เมืองกูกูตา ประเทศโคลอมเบีย


ส่วนสูง 180 เซนติเมตร


เท้าที่ถนัด เท้าซ้าย


ตำแหน่ง ปีกและกองกลางตัวรุก


สโมสรปัจจุบัน เรอัลมาดริด



ประวัตินักเตะ

ฮาเมส ดาบิด โรดริเกซรูบีโอ(ในภาษาสเปน Jame David Rodriguez Rubio) เป็นนักฟุตบอลชาวโคลอมเบียปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรเรอัลมาดริดในลีกของสเปนและติดทีมชาติโคลอมเบียไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศบราซิลในศึกการแข่งขันฟุตบอลโลก2014และถือเป็นดาวซัลโวในครั้งนั้นโดยยิงไปทั้งหมด6ประตู
ฮาเมส โรดรีเกซเขาเกิดที่เมืองกูกูตา ประเทศโคลอมเบีย เป็นบุตรชายของวิลซอน โดยที่ฮาเมส โรดรีเกซ เบโดญา และมารีอา เดล ปีลาร์ รูบีโอ โดยชื่อ ที่ว่า"ฮาเมส" หรือ ที่เรารู้จักกันในนามว่า"เจมส์" ตามการอ่านออกเสียงแบบสำเนียงอังกฤษ ซึ่งแม่กับพ่อเขาบอกว่าตั้งมาจากเจมส์ บอนด์
โรดรีเกซมีแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นนักฟุตบอลจากเหตุการณ์ที่อันเดรส ดิเอโกเอสโกบาร์ กองหลังของทีมชาติโคลอมเบียที่ทำเข้าประตูตัวเองในฟุตบอลโลก ในปีค.ศ.1994 ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้โคลอมเบียที่ถูกจัดให้หนึ่งในทีมเต็งทีมหนึ่งต้องตกรอบแรก โดยที่เมื่อกลับไปที่โคลอมเบีย เอสโกบาร์ก็ถูกยิงเสียชีวิตจากคำสั่งของนักค้ายาเสพติดที่เสียเงินพนัน

พนันบอลออนไลน์

โดยที่โรดรีเกซเริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรเอนบีกาโดในโคลอมเบีย ด้วยการที่และย้ายไปที่อาร์เจนตินากับสโมสรบันฟิลด์ ในปี ค.ศ.2006 พร้อมทำสถิติเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่อายุน้อยที่สุดในอาร์เจนตินา และก่อนจะย้ายมาที่ทวีปยุโรปในประเทศโปรตุเกสกับสโมสรโปร์ตู ด้วยค่าตัว ประมาน2.1 ล้านยูโรในปีถัดมา ซึ่งโรดรีเกซคว้าแชมป์ลีกกับโปร์ตู ใน2 ฤดูกาลติดต่อกัน ด้วยวัยเพียงแค่ 21 ปี
ต่อมาได้ย้ายไปอยู่กับอาแอ็สโมนาโก ในลีกเอิงของฝรั่งเศส ด้วยค่าตัวแพงถึง 45 ล้านยูโร ซึ่งอยู่ในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 2013 ทำให้โรดรีเกซลกายเป็นนักฟุตบอลโคลอมเบียที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับ ที่2 ในประวัติศาสตร์ รองจากราดาเมล ฟัลกาโอ โดยในมอนาโก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ และทว่าแต่โรดรีเกซก็สามารถแสดงผลงานได้อย่างดีเยี่ยม
ในฟุตบอลโลก ในปี2014 ที่บราซิล เป็นเจ้าภาพ ฮาเมส โรดรีเกซ แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นมาก ซึ่งโดยที่เขาเป็นนักฟุตบอลแรกคนแรกที่ยิงประตูได้ทุกนัดที่ลงแข่งขันในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายติดต่อกันถึง รวมแล้ว4 นัด นับจากกริสเตียน วีเอรี ของอิตาลี ทำได้ในฟุตบอลโลก ในปีค.ศ.1998 ที่ฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกยิงในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในประเทศที่โคลอมเบียเอาชนะอุรุกวัยไปได้ 2-0 โดยโรดรีเกซกลับตัวยิงด้วยเท้าซ้ายแบบวอลเลย์ โดยที่ลูกฟุตบอลย้อยเสียบใต้คานเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ลูกนี้ทำให้ได้รับคำชมอย่างมาก แล้วหลังจากนั้นต่อมาได้รับการเลือกจากแฟนฟุตบอลให้เป็นลูกที่สวยที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ นอกจากนี้ประตูดังกล่าวยังได้รับรางวัลฟีฟ่าปุสการ์อวอร์ด2014 อีกด้วย

พนันบอลออนไลน์

และหลังจากที่จบฟุตบอลโลก 2014 แล้ว ฮาเมสโรดรีเกซก็ได้ย้ายไปเรอัลมาดริด ในลาลีกา ของสเปน ด้วยค่าตัว ราวๆประมาน60 ล้านปอนด์ โดยได้สวมเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเป็นหมายเลขเก่าของเมซุตโอซิล
โดยในปัจจุบัน ฮาเมส โรดรีเกซ ได้สมรสแล้วกับดาเนียลา ซึ่งเป็นน้องสาวของดาบิด เดวิดโอสปีนา ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติโคลอมเบียชุดเดียวกัน ซึ่งเขาทั้งคู่สมรสกันตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2011 และมีลูกสาวด้วยกันทั้งหมด 1 คน ชื่อ ซาโลเม

โดยฮาเมส โรดรีเกซไม่เคยมีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าในนัดที่เรอัลมาดริดชนะเซบียา ไปด้วยสกอร์2-1 ซึ่งใช้เวลา 2 เดือนในการรักษา จนเขาสามารถลงเล่นในนัดที่เรอัลมาดริดถล่มกรานาดาไป 9-1
ประวัติในวัยเด็ก
ผมจะพาคุณมารู้จักเจมส์ที่อ่านว่า 'ฮา-เมส' เจ้าหนูน้อยซึ่งเขาเป็นจากเด็กชายขี้อายจนไม่กล้าพูดคุุยกับใคร สู่สุดยอดดาวยิงฟุตบอลโลกและอันดับ ที่32 ในการจัดอันดับสุดยอดนักเตะโลกเอฟทีที100
"ดีมากเด็กๆ! เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ" ในช่วงบ่ายวันหนึ่งของฤดูร้อนปี 2004 หลังการซ้อมที่เอล โดราโด้ ซึ่งเป็นทีมเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนอะคาเดมี่ของทีมเอนบิกาโด้ ในลีกโคลอมเบีย โดยรวมแล้วนักเตะวัยรุ่นส่วนมากทยอยกันเดินกลับเข้าไปห้องแต่งตัวเพื่อหลบจากความร้อนแรงของแสงอาทิตย์ยามบ่าย ซึ่งต่อมามีเพียง 1 คนที่ยังอยู่ในสนามซ้อมเพียงลำพัง และไม่มีใครแปลกใจที่ได้เห็นภาพนั้น

พนันบอลออนไลน์

และในเวลานั้นหนุ่มน้อยฮาเมสวัย 13 ปี ยังเป็นเด็กน้อยขี้อายที่เพื่อนร่วมทีมหลายคนยังไม่เคยได้ยินฮาเมสพูดเลยสักคำ โดยการที่เขาเป็นคนที่เคยได้พูดคุยกับฮาเมสก็ได้รู้ว่าแต่ละคำที่พูดออกมาจะอ้ำๆอึ้งอึ้งๆ แต่แล้วเขาก็ลังเลเพราะอาการติดอ่าง แต่โชคดีที่เจ้าหนุ่มน้อยสามารถสื่อสารด้วยวิธีอื่น ฮาเมสน้อยสื่อสารด้วยสองเท้า และในความเป็นจริงเท้าสองข้างของฮาเมสก็พูดแทนเจ้าหนุ่มน้อยได้อย่างหมดเปลือก ก็นั่นแหละและนั่นคือสาเหตุที่ฮาเมส โรดริเกซยังคงฝึกซ้อมหลังจากทุกคนเลิกและกลับบ้านกันไปหมดแล้ว พอหลังจากครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้จัดการทีมเอล โดราโด้ก็ต้องกลับบ้าน เจ้าหนูเขาฮาเมสก็ยังซ้อมยิงบอลเข้าประตูว่างเปล่า และสิบปีถัดมา อีกไม่กี่ปีเจ้าหนุ่มน้อยติดอ่างเติบโตมาเป็นกาลักติโก นักเตะค่าตัวแพงของเรอัลมาดริด เขากลายเป็นดาวยิงสูงสุดฟุตบอลโลก 2014 และเป็นขวัญใจของชาวโคลอมเบียนทั้งชาติ แล้วเขาก็ได้ทำให้ทุกคนผู้ที่รู้จักฮาเมส ดาบิด โรดริเกซ มาตั้งแต่เป็นเด็กชาย ส่วนผมไม่แปลกใจกับเส้นทางฟุตบอลและชีวิตของสุดยอดดาวยิงรายนี้เลยทุกคนอย่าเพิ่งคิดว่าชีวิตของฮาเมสจะเป็นละครดราม่า เจ้าหนูฮาเมสไม่ได้เติบโตมากับการเล่นฟุตบอลข้างถนนด้วยลูกบอลที่ทำจากถุงเท้าเก่าๆ แล้วจะม้วนเข้าด้วยกัน เขาไม่ได้โดดเรียนและทิ้งการเรียนเพื่อไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ซึ่งฮาเมสเขาไม่ใช่เด็กวัยรุ่นอเมริกาใต้ทั่วไปที่เติบโตจากความยากจนมาสู่การเป็นดาวยิงระดับโลก โดยเส้นทางฟุตบอลของฮาเมสคล้ายกับเส้นทางของกาก้ามากกว่าที่จะเหมือนคาร์ลอส เตเบซ
ฮาเมส เติบโตมาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีทางเลือกในชีวิตให้เลือกเดิน เยอแยะแต่ฮาเมสเลือกที่จะเล่นฟุตบอล อาชีพที่สร้างจากกรวยยาง กระดานแท็กติก ด้วยระบบการเล่นและน้ำตา "ผมชอบฟุตบอลมาตลอด และมีคนที่พาผมไปเรียนฟุตบอลที่โรงเรียนในเมืองโตลิม่าตอนห้าขวบก็คือพ่อบุญธรรมของผม นั่นคือจุดเริ่มต้นของผม" ฮาเมสเล่าย้อนถึงชีวิตวัยเด็ก

พนันบอลออนไลน์

โดยที่รองเท้าฟุตบอลคู่แรกของฮาเมส อะดิดาสสีดำ-ขาวเป็นของขวัญจากฮวน โรแบโต้คาร์ลอส เรสต์รีโป พ่อบุญธรรม ที่ครั้งหนึ่งเคยเล่นให้กับทีมสำรองของเมืองโตลิม่าก่อนที่จะเลิกเล่นและหันมาทำเป็นวิศวกรเจ้าหนู"ฮาเมสไม่เคยอยากเป็นนักฟุตบอล ด้วยพรสวรรค์เลเยทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลมาตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลก" โดยที่มาเรีย เดอ ปิลาร์ รูบิโอ แม่ของฮาเมสเล่าให้ฟัง ซึ่งฮูโก้ ราคาสตาโน่ ในฐานะผู้จัดการคนแรกของฮาเมสบอกว่าแม่ของฮาเมสมีอิทธิพลกับความคิดและนิสัยของดาวยิงรายนี้อย่างมาก เจ้าหนุ่มน้อย"ฮาเมสถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีที่เป็นผลของความพยายามของพ่อและแม่ ซึ่งผมไม่เคยเห็นเด็กอายุเท่านี้ที่ขยันซ้อมวันละ 2 ครั้งโดยไม่บ่น ด้วยวินัยที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กเป็นพื้นฐานนิสัยของเขาจริงๆ"

และด้วยการฝึกซ้อมทำให้มีวินัยมาจากการฝึกซ้อมกับมืออาชีพ โดยนอกเหนือจากการซ้อมกับทีม ฮาเมสยังมีครูสอนพิเศษฟุตบอล ในแต่ละวันเขาจะต้องพัฒนาตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะฝึกฝนเทคนิคและแท็กติก เขายังต้องเข้ายิมเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพื่อให้สามารถแข่งกับเพื่อนร่วมทีมที่โตกว่าได้ความกดดันเช่นนี้ที่ปกติจะเกิดกับนักกีฬาที่ไม่ต้องพึ่งพาความสามารถของเพื่อนร่วมทีม โดยอย่างเช่นนักเทนนิส นักยิมนาสติก หรือนักกีฬากอล์ฟ แต่สำหรับฮาเมสกลับแตกต่างออกไปและตัว"ผมบอกเสมอว่าการเป็นนักฟุตบอลจะต้องไม่เหมือนคนปกติ" ฮาเมส เขาได้เคยกล่าวไว้ในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2007 "คนปกติจะออกไปเที่ยวหรือนอนดึกก็ได้ ส่วนใหญ่นักฟุตบอลต้องกินอาหารดีๆ นอนหัวค่ำ และต้องนอนพักหลังอาหารเที่ยง แต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นการต้องเสียสละและความทุ่มเทของฮาเมสนี่เองที่ทำให้หนุ่มน้อยติดอย่างกลายมาเป็นที่จับตามองของโลกฟุตบอล ถึงจะเพราะแม้จะครองตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมในทุกทีมที่เคยเล่นมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขาก็ไม่เคยเผลอตัวตามกระแส อดีตเพื่อนร่วมทีม ดิเอโก้ มาโนโรน่า เล่าย้อนให้ฟังถึงช่วงที่ฮาเมสในรุ่นเล็กกว่าถูกจับให้มาเล่นกับเด็กโตกว่าซึ่งโดย"ปกติผมจะเป็นคนเตะฟรีคิก แต่ฮาเมสเข้ามาคว้าบอลด้วยท่าทางมั่นใจมาก และผมก็เลยยอมให้เขาเตะ และเขาก็ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ฮาเมสปั่นบอลโค้งอ้อมกำแพงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม โดยที่เวลาเราซ้อมฟรีคิก เราจะพยายามเตะข้ามกำแพงแต่ไม่เคยมีใครเตะอ้อมกำแพงมาก่อนเลย และในตอนนั้นเราก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นนักฟุตบอลที่พิเศษมาก"ไม่ใช่เพียงแค่ความสามารถโดดเด่นที่ทำให้ฮาเมสแตกต่างจากนักเตะคนอื่น และอีกอย่างคือด้วยความนิ่งเงียบและขี้อายจนหลายคนที่เคยร่วมงานกับหนุ่มน้อยอดเป็นกังวลไม่ได้เพราะซึ่ง"เขาเป็นผู้ฟังที่ดี แต่บางครั้งเราก็กังวลเล็กน้อยที่เขาไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมามากนัก" โดยที่โชเซ่ คอร์เทส โค้ชของฮาเมสที่อะคาเดเมีย โตลิเมนเซ่ กล่าวซึ่งทาง"เราเคยลองปรึกษานักจิตวิทยาเพราะเขานิ่งมาก"

พนันบอลออนไลน์

และการคว้าแชมป์ฟุตบอลโพนีฟุตบอลคัพ ซึ่งเป็นรายการฟุตบอลทีมเยาวชนของโคลอมเบีย ในที่เมืองเมเดลลิน เป็นการยืนยันว่าในอนาคตฮาเมสจะก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ เจ้าหนุ่มน้อยฮาเมสวัย 11 ปี ยิง 13 ประตูในการลงสนาม 9 เกม โดย ยิงไป2 ประตูเป็นจังหวะเตะมุม สร้างความประทับใจให้ผู้ชมในสนามกว่า ห้าพัน5,000 คน รวมถึง กุสตาโว อดอลโฟ่ อูเปกุย โลเปซ จากทีมเอนบิกาโด้ เจเอฟซี ซึ่งหลังจากได้เห็นฟอร์มการเล่นในเกมดังกล่าวก็พูดออกมาว่า โดยที่"เราต้องเซ็นสัญญากับเด็กคนนี้ให้ได้"ซึ่งนายอูเปกุย โลเปซ เริ่มต้นจากการทำงานกับอะคาเดมีของทีมเอนบิกาโด้ อยู่ใน(แถบชานเมืองเมเดลลิน) และช่วงหลังกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของสโมสรในปี คริสศักราช1998 อูเปกุย โลเปซ ถูกจับกุมและถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าตั้งซุ้มมือปืน ที่เขาว่ากันหรือว่าตามที่หนังสือพิมพ์ เซมาน่า กล่าวถึงคือได้"ตั้งกลุ่มอำนาจที่เดิมเป็นแก็งค์ค้ายาในเมืองเมเดลลินที่ถูกตัดขาดหลังจากการเสียชีวิตของปาโบล เมืองเอสโกบาร์" ซึ่งถูกเรียกว่า 'สำนักงานเอนบิกาโด้' และนั่นก็ทำให้หลายคนไม่แปลกใจที่สโมสรนี้มีข่าวลอบฆ่าประธานสโมสรถึง 3 ราย รวมถึงบอร์ดบริหารอีก 1 รายในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาในฐานะอันดับ ที่2 ของ 'สำนักงานเอนบิกาโด้' อูเปกุย โลเปซ ถูกจับกุมตัวหลังจบเกมการแข่งขันกับอินดีเพนเดียนเต้ ทั้งที่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมตัวเป็นแฟนฟุตบอล แต่หลังจากใช้เวลา ไปทั้งหมด32 เดือนในเรือนจำ (ระยะแรกในกรุงโบโกต้า และจากนั้นย้ายไปที่เรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงในเมืองอิตากุย) โดยที่อูเปกุย โลเปซ ก็ถูกปล่อยตัวและพ้นทุกข้อกล่าวหาอย่างน่าแปลกใจและหลังจากออกจากคุก อูเปกุย โลเปซใช้ชีวิตอย่างราชาในบ้านไร่ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูง โดยเกิดการลอบสังหารเจ้าพ่อรายนี้เมื่อ 8 ปีที่แล้วดูเหมือนกับในหนังมาเฟีย เจ้าถิ่นอย่างก็อดฟาเธอร์ มือปืน 8 คนบุกบ้านไร่ของอูเปกุย โลเปซช่วงกลางดึก ได้จับเขามัดและปิดปากคนในครอบครัวและคนงานในบ้าน 20 ชีวิต รวมทั้งบอดี้การ์ด 2 ชุด และย่องกริบเข้าไปนอนในห้องนอนของเจ้าพ่อ
มือปืนจับอูเปกุย อาร์ติโลเปซ มัด ก่อนจะพาตัวมาที่โซฟาและยิงหัวโดยใช้หมอนปิดปากกระบอกปืนเพื่อเก็บเสียง โดยการลอบสังหารครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2006 โดยถูกลอบสังหารเพียง ใน35 วัน อูเปกุย โลเปซ ได้เห็นหนุ่มน้อยฮาเมสลงเล่นเกมอาชีพเป็นนัดแรกสมความตั้งใจ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น