วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ กาเบรียล เปาลิสต้า

พนันบอลออนไลน์


ประวัติของ กาเบรียล เปาลิสต้า




ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อจริง กาเบรียล เปาลิสต้า


วันเกิด 26 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990 (อายุ 24 ปี)


เกิดที่ เมือง เซา เปาโล ประเทศ บราซิล


สัญชาติ บราซิล


ส่วนสูง 185 ซม.


น้ำหนัก 72 กก.


ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก


เท้าที่ถนัด ซ้าย


ลงเล่น 49 นัด


ยิงประตู 0 ประตู


สโมสรปัจจุบัน อาร์เซน่อล


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 5


ย้ายมาจาก สโมสร วิคตอเรีย


พนันบอลออนไลน์


เส้นทางการค้าแข้ง


กาเบรียล เปาลิสต้า เขาได้เกิดและเติบโตมาในเมือง ฮังเกอร์ฟอร์ด รัฐ เบิร์คเซีย และเขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับสโมสร เร้ดดิ้ง พออายุเขาย่างได้ 15 ปี เขาก็ได้เริ่มเล่นให้กับทีมในท้องถิ่นบ้านเกิดของเขานั่นก็คือทีม คินท์บิวรี่ เรนเจอร์ส และเขาก็ได้โชว์เพาเวอร์ในการยิงประตูของเขา เขาซัดไปทั้งหมด 20 เม็ด จากการลงสนาม 27 แมตช์ และนั่นก็ทำให้เขาถูกดึงตัวให้ไปเล่นกับทีมในบ้านเกิดอย่างทีม ฮังเกอร์ฟอร์ด ทาวน์ เมื่อปี 2008 แต่ฟอร์มเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อได้กลับมาเล่นในบ้านเกิด เนื่องจากเขาได้ลงเล่นไป 30 นัด แต่เขายิงไปได้เพียง 5 ประตู และหลังจากนั้นต่อมาเขาและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง บอร์นมัธ ทำให้เขาต้องไปเล่นให้กับทีมในสโมสรแถวนั้น พนันบอลออนไลน์ เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม พลู ทาวน์ และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาได้โชว์ความแพรวพราวได้อีกครั้ง ด้วยการที่เขาระเบิดฟอร์มสุดฮ็อตยิงไปทั้งหมด 48 ประตู จากการลงสนาม 42 นัด และทางสโมสร บอร์นมัธ ก็ได้เรียกตัวเขาไปทดสอบศักยภาพในตอนนั้นภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาวน์ แต่ทว่าฟอร์มของ ออสติน ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่จึงถูกปฏิเสธไปในตอนนั้น ต่อมาก็มีอีก 1 สโมสรที่สนใจในตัวเขานั่นก็คือทีมสโมสร สวินดอน ทาวน์ ที่สนใจในตัวเขาและได้เชิญเขาไปทดสอบสมรรถภาพ และออสตินก็ไม่ทำให้ผู้คนทั้งหลายผิดหวัง เพราะในเกมการเล่นที่เขาไปทดสอบฝีเท้าเขาซัดไปคนเดียว 4 ลูก และนั่นก็ทำให้ทีมต้นสังกัดอย่าง สวินดอน ทาวน์ จับเขาเซ็นสัญญาในทันทีแบบไม่ลังเลใจ เมื่อฤดเูกาล 2009 - 2011 ชาร์ลีออสตินได้เปิดตัวกับสโมสร สวินดอนทาวน์ ด้วยการลงเล่นให้กับทีมสำรอง ในนัดที่ทีมพบกับ สวอนซี ซิตี้ และเขาก็ได้ซัดแฮตทริกไปในแม็ตช์นั้น หลังจากจบแมตช์นั้นเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทางทีมต้นสังกัดในทั้นที


กาเบรียล เปาลิสต้า เขาได้เกิดและเติบโตมาในเมือง ฮังเกอร์ฟอร์ด รัฐ เบิร์คเซีย และเขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับสโมสร เร้ดดิ้ง พออายุเขาย่างได้ 15 ปี เขาก็ได้เริ่มเล่นให้กับทีมในท้องถิ่นบ้านเกิดของเขานั่นก็คือทีม คินท์บิวรี่ เรนเจอร์ส และเขาก็ได้โชว์เพาเวอร์ในการยิงประตูของเขา เขาซัดไปทั้งหมด 20 เม็ด จากการลงสนาม 27 แมตช์ และนั่นก็ทำให้เขาถูกดึงตัวให้ไปเล่นกับทีมในบ้านเกิดอย่างทีม ฮังเกอร์ฟอร์ด ทาวน์ เมื่อปี 2008 แต่ฟอร์มเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อได้กลับมาเล่นในบ้านเกิด เนื่องจากเขาได้ลงเล่นไป 30 นัด แต่เขายิงไปได้เพียง 5 ประตู และหลังจากนั้นต่อมาเขาและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง บอร์นมัธ พนันบอลออนไลน์ ทำให้เขาต้องไปเล่นให้กับทีมในสโมสรแถวนั้น พนันบอลออนไลน์ เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม พลู ทาวน์ และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาได้โชว์ความแพรวพราวได้อีกครั้ง ด้วยการที่เขาระเบิดฟอร์มสุดฮ็อตยิงไปทั้งหมด 48 ประตู จากการลงสนาม 42 นัด และทางสโมสร บอร์นมัธ ก็ได้เรียกตัวเขาไปทดสอบศักยภาพในตอนนั้นภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาวน์ แต่ทว่าฟอร์มของ ออสติน ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่จึงถูกปฏิเสธไปในตอนนั้น ต่อมาก็มีอีก 1 สโมสรที่สนใจในตัวเขานั่นก็คือทีมสโมสร สวินดอน ทาวน์ ที่สนใจในตัวเขาและได้เชิญเขาไปทดสอบสมรรถภาพ และออสตินก็ไม่ทำให้ผู้คนทั้งหลายผิดหวัง เพราะในเกมการเล่นที่เขาไปทดสอบฝีเท้าเขาซัดไปคนเดียว 4 ลูก และนั่นก็ทำให้ทีมต้นสังกัดอย่าง สวินดอน ทาวน์ จับเขาเซ็นสัญญาในทันทีแบบไม่ลังเลใจ เมื่อฤดเูกาล 2009 - 2011 ชาร์ลีออสตินได้เปิดตัวกับสโมสร สวินดอนทาวน์ ด้วยการลงเล่นให้กับทีมสำรอง ในนัดที่ทีมพบกับ สวอนซี ซิตี้ และเขาก็ได้ซัดแฮตทริกไปในแม็ตช์นั้น หลังจากจบแมตช์นั้นเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทางทีมต้นสังกัดในทั้นที


กาเบรียล เปาลิสต้า เขาได้เกิดและเติบโตมาในเมือง ฮังเกอร์ฟอร์ด รัฐ เบิร์คเซีย และเขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับสโมสร เร้ดดิ้ง พออายุเขาย่างได้ 15 ปี เขาก็ได้เริ่มเล่นให้กับทีมในท้องถิ่นบ้านเกิดของเขานั่นก็คือทีม คินท์บิวรี่ เรนเจอร์ส และเขาก็ได้โชว์เพาเวอร์ในการยิงประตูของเขา เขาซัดไปทั้งหมด 20 เม็ด จากการลงสนาม 27 แมตช์ และนั่นก็ทำให้เขาถูกดึงตัวให้ไปเล่นกับทีมในบ้านเกิดอย่างทีม ฮังเกอร์ฟอร์ด ทาวน์ เมื่อปี 2008 แต่ฟอร์มเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อได้กลับมาเล่นในบ้านเกิด เนื่องจากเขาได้ลงเล่นไป 30 นัด แต่เขายิงไปได้เพียง 5 ประตู และหลังจากนั้นต่อมาเขาและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง บอร์นมัธ ทำให้เขาต้องไปเล่นให้กับทีมในสโมสรแถวนั้น พนันบอลออนไลน์ เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม พลู ทาวน์ และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาได้โชว์ความแพรวพราวได้อีกครั้ง พนันบอลออนไลน์ ด้วยการที่เขาระเบิดฟอร์มสุดฮ็อตยิงไปทั้งหมด 48 ประตู จากการลงสนาม 42 นัด และทางสโมสร บอร์นมัธ ก็ได้เรียกตัวเขาไปทดสอบศักยภาพในตอนนั้นภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาวน์ แต่ทว่าฟอร์มของ ออสติน ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่จึงถูกปฏิเสธไปในตอนนั้น ต่อมาก็มีอีก 1 สโมสรที่สนใจในตัวเขานั่นก็คือทีมสโมสร สวินดอน ทาวน์ ที่สนใจในตัวเขาและได้เชิญเขาไปทดสอบสมรรถภาพ และออสตินก็ไม่ทำให้ผู้คนทั้งหลายผิดหวัง เพราะในเกมการเล่นที่เขาไปทดสอบฝีเท้าเขาซัดไปคนเดียว 4 ลูก และนั่นก็ทำให้ทีมต้นสังกัดอย่าง สวินดอน ทาวน์ จับเขาเซ็นสัญญาในทันทีแบบไม่ลังเลใจ เมื่อฤดเูกาล 2009 - 2011 ชาร์ลีออสตินได้เปิดตัวกับสโมสร สวินดอนทาวน์ ด้วยการลงเล่นให้กับทีมสำรอง ในนัดที่ทีมพบกับ สวอนซี ซิตี้ และเขาก็ได้ซัดแฮตทริกไปในแม็ตช์นั้น หลังจากจบแมตช์นั้นเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทางทีมต้นสังกัดในทั้นที


กาเบรียล เปาลิสต้า เขาได้เกิดและเติบโตมาในเมือง ฮังเกอร์ฟอร์ด รัฐ เบิร์คเซีย และเขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับสโมสร เร้ดดิ้ง พออายุเขาย่างได้ 15 ปี เขาก็ได้เริ่มเล่นให้กับทีมในท้องถิ่นบ้านเกิดของเขานั่นก็คือทีม คินท์บิวรี่ เรนเจอร์ส และเขาก็ได้โชว์เพาเวอร์ในการยิงประตูของเขา เขาซัดไปทั้งหมด 20 เม็ด จากการลงสนาม 27 แมตช์ และนั่นก็ทำให้เขาถูกดึงตัวให้ไปเล่นกับทีมในบ้านเกิดอย่างทีม ฮังเกอร์ฟอร์ด ทาวน์ เมื่อปี 2008 แต่ฟอร์มเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อได้กลับมาเล่นในบ้านเกิด เนื่องจากเขาได้ลงเล่นไป 30 นัด แต่เขายิงไปได้เพียง 5 ประตู และหลังจากนั้นต่อมาเขาและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง บอร์นมัธ ทำให้เขาต้องไปเล่นให้กับทีมในสโมสรแถวนั้น พนันบอลออนไลน์ เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม พลู ทาวน์ และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาได้โชว์ความแพรวพราวได้อีกครั้ง ด้วยการที่เขาระเบิดฟอร์มสุดฮ็อตยิงไปทั้งหมด 48 ประตู จากการลงสนาม 42 นัด และทางสโมสร บอร์นมัธ ก็ได้เรียกตัวเขาไปทดสอบศักยภาพในตอนนั้นภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาวน์ แต่ทว่าฟอร์มของ ออสติน ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่จึงถูกปฏิเสธไปในตอนนั้น ต่อมาก็มีอีก 1 สโมสรที่สนใจในตัวเขานั่นก็คือทีมสโมสร สวินดอน ทาวน์ ที่สนใจในตัวเขาและได้เชิญเขาไปทดสอบสมรรถภาพ และออสตินก็ไม่ทำให้ผู้คนทั้งหลายผิดหวัง เพราะในเกมการเล่นที่เขาไปทดสอบฝีเท้าเขาซัดไปคนเดียว 4 ลูก และนั่นก็ทำให้ทีมต้นสังกัดอย่าง สวินดอน ทาวน์ จับเขาเซ็นสัญญาในทันทีแบบไม่ลังเลใจ เมื่อฤดเูกาล 2009 - 2011 ชาร์ลีออสตินได้เปิดตัวกับสโมสร สวินดอนทาวน์ ด้วยการลงเล่นให้กับทีมสำรอง ในนัดที่ทีมพบกับ สวอนซี ซิตี้ และเขาก็ได้ซัดแฮตทริกไปในแม็ตช์นั้น หลังจากจบแมตช์นั้นเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทางทีมต้นสังกัดในทั้นที พนันบอลออนไลน์


กาเบรียล เปาลิสต้า เขาได้เกิดและเติบโตมาในเมือง ฮังเกอร์ฟอร์ด รัฐ เบิร์คเซีย และเขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับสโมสร เร้ดดิ้ง พออายุเขาย่างได้ 15 ปี เขาก็ได้เริ่มเล่นให้กับทีมในท้องถิ่นบ้านเกิดของเขานั่นก็คือทีม คินท์บิวรี่ เรนเจอร์ส และเขาก็ได้โชว์เพาเวอร์ในการยิงประตูของเขา เขาซัดไปทั้งหมด 20 เม็ด จากการลงสนาม 27 แมตช์ และนั่นก็ทำให้เขาถูกดึงตัวให้ไปเล่นกับทีมในบ้านเกิดอย่างทีม ฮังเกอร์ฟอร์ด ทาวน์ เมื่อปี 2008 แต่ฟอร์มเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อได้กลับมาเล่นในบ้านเกิด เนื่องจากเขาได้ลงเล่นไป 30 นัด แต่เขายิงไปได้เพียง 5 ประตู และหลังจากนั้นต่อมาเขาและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง บอร์นมัธ ทำให้เขาต้องไปเล่นให้กับทีมในสโมสรแถวนั้น พนันบอลออนไลน์ เขาก็ได้ไปเล่นให้กับทีม พลู ทาวน์ และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาได้โชว์ความแพรวพราวได้อีกครั้ง ด้วยการที่เขาระเบิดฟอร์มสุดฮ็อตยิงไปทั้งหมด 48 ประตู จากการลงสนาม 42 นัด และทางสโมสร บอร์นมัธ ก็ได้เรียกตัวเขาไปทดสอบศักยภาพในตอนนั้นภายใต้การคุมทีมของ เอ็ดดี้ ฮาวน์ แต่ทว่าฟอร์มของ ออสติน ยังไม่เข้าตาเท่าไหร่จึงถูกปฏิเสธไปในตอนนั้น ต่อมาก็มีอีก 1 สโมสรที่สนใจในตัวเขานั่นก็คือทีมสโมสร สวินดอน ทาวน์ ที่สนใจในตัวเขาและได้เชิญเขาไปทดสอบสมรรถภาพ และออสตินก็ไม่ทำให้ผู้คนทั้งหลายผิดหวัง เพราะในเกมการเล่นที่เขาไปทดสอบฝีเท้าเขาซัดไปคนเดียว 4 ลูก และนั่นก็ทำให้ทีมต้นสังกัดอย่าง สวินดอน ทาวน์ จับเขาเซ็นสัญญาในทันทีแบบไม่ลังเลใจ เมื่อฤดเูกาล 2009 - 2011 ชาร์ลีออสตินได้เปิดตัวกับสโมสร สวินดอนทาวน์ ด้วยการลงเล่นให้กับทีมสำรอง ในนัดที่ทีมพบกับ สวอนซี ซิตี้ และเขาก็ได้ซัดแฮตทริกไปในแม็ตช์นั้น หลังจากจบแมตช์นั้นเขาก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับทางทีมต้นสังกัดในทั้นที


















พนันบอลออนไลน์

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ มาร์ติน สเคอร์เทล

พนันบอลออนไลน์


ประวัติของ มาร์ติน สเคอร์เทล







ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อจริง มาร์ติน สเคอร์เทล


วันเกิด 15 ธันวาคม ค.ศ. 1984 (อายุ 30 ปี)


เกิดที่ เมือง แฮนด์โลว่า ประเทศ เช็คโกสโลวาเกีย


สัญชาติ เช็คโกสโลวาเกีย


ส่วนสูง 191 ซม.


น้ำหนัก 81 กก.


ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


ลงเล่น 223 นัด


ยิงประตู 15 ประตู


สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล


ย้ายมาจาก เซนิต เซนส์ปีเตอร์สเบิร์ก


พนันบอลออนไลน์


ประวัติการค้าแข้ง

มาร์ติน สเคอร์เทล สุดยอดนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเพอฟอร์แมนส์ เขาเคยเล่นให้กับทีมสโมสร แอสตัน วิลล่า ทำให้ชื่อเสียงของโด่งดังมากในเวลานั้น เขาได้เกิดในเมืองเล็กๆชื่อว่า คินชาซ่า ในปี ค.ศ. 1990 หลังจากนั้นได้ไม่นานพ่อกับแม่ของเขาก็ได้พากันอพยพย้ายมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เมือง ลีแอจ ในประเทศ เบลเยี่ยม และเขาก็ได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลในหลังจากนั้น ในช่วงที่เขาอยู่กับสโมสร สตรองดาร์ด ลีแอจ และ เกงค์ เบนเตเก้เขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของสโมสร เจเอส ปีแอรร์รูส หลังจากเล่นได้ไม่นานเขาก็ได้ย้ายไปร่วมกับทีม เกงค์ และได้มีโอกาศลงเล่นในระดับโปรเฟรซเชอร์นอล และเขาก็ได้บินกลับมาเล่นให้กัยทีมลีแอจอีกครั้งเมื่อเดือน มกราคม ค.ศ. 2009 ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2009 เขาก็ได้ถูกปล่อยให้ออกไปหาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้วยการปล่อยยืมตัวห้กับสโมสร เควี คอร์ทไรจค์ เอาไปใช้งานทั้งซีซั่นและในฤดูกาลต่อมาเขาก็ภูกปล่อยยืมตัวไปอีกให้กับทีม เมเคเลน โดยในครั้งดีอยู่ในดีลของ อลอยส์ นอง จากการที่เขาได้ย้ายจาก เอเคเลน ไปยังสโมสร สตรองดาร์ด ลีแอจ และเมื่อในซีซั่นที่ 2011 เขาได้ได้ตีตั๋วกลับไปที่สโมสร เกงค์ อีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้เขาไม่ได้กลับมาตัวเปล่า แต่เขากลับมาพร้อมกับฟอร์มที่สุดฮ็อตด้วยการยิงไป 19 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 37 นัด ในฤดูกาลนั้น พนันบอลออนไลน์


เมื่อฤดูกาลที่ 2013 เขาได้มีโอกาศได้มาโลดแล่นในศึกลูกหนังในเกาะอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เบเตเก้ เขาได้ตัดสินใจเว็นสัญญาเป็นระยะเวลา 4 ปี กับสโมสรดังใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นั่นก็คือทีมสโมสร แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านปอนด์ (ราว 171 ล้านบาท) และเขาก็ได้บอกผ่านสื่อว่าการที่เขาได้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกถือว่าเป็นความฝันของเขามาตลอด และตอนนี้ก็เหมือนว่าฝันของเขาได้กลายเป็นความจริงแล้ว และก็ต้องขอขอบคุณไปถึงผู้จัดการทีมของสโมสร เกงค์ ที่ทำให้มีการดีลครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2012 พนันบอลออนไลน์ เบนเตเก้เขาได้เปิดซิงประตูแรกของเขาเองให้กับทีมต้นสังกัดได้ ในนัดที่ทีม แอสตัน วิลล่า สามารถเอาชนะสโมสร สวอนซี ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ที่สวยหรู 2 - 0 โดยในนัดนั้นเขาได้ถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแทนที่ของทางด้าน อันเดรส ไวมันน์ โดยประตูนี้เกิดจากการโหม่งสกัดบอลผิดพลาดของทาง แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ และทำให้เบนเตเก้ใช้เท้ากระดกบอลข้ามศรีษะของผู้รักษาประตูส่งบอลไปนอนอยู่ในก้นตาข่ายอย่างสวยงาม ในลูกยิงนี้ผู้จัดการทีมของ แอสตัน วิลล่า พอล แลมเบิร์ต ได้ออกมาชมว่าประตูนี้เขาทำไปได้ยังไง เมื่อฤดูกาลที่ 2013 - 2014 นั่นคือซีซั่นที่เบเตเก้ฟอร์มพีคแบบสุดๆ จากการที่เขาซัลโวลไปถึง 23 ประตูในฤดูกาลที่ 2012 - 2013 ทำให้เขาได้ตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่หลายๆทีมในยุโรป



เมื่อฤดูกาลที่ 2012 เขาได้มีโอกาศได้มาโลดแล่นในศึกลูกหนังในเกาะอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เบเตเก้ เขาได้ตัดสินใจเว็นสัญญาเป็นระยะเวลา 4 ปี กับสโมสรดังใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นั่นก็คือทีมสโมสร แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านปอนด์ (ราว 171 ล้านบาท) และเขาก็ได้บอกผ่านสื่อว่าการที่เขาได้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกถือว่าเป็นความฝันของเขามาตลอด และตอนนี้ก็เหมือนว่าฝันของเขาได้กลายเป็นความจริงแล้ว และก็ต้องขอขอบคุณไปถึงผู้จัดการทีมของสโมสร เกงค์ ที่ทำให้มีการดีลครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2012 เบนเตเก้เขาได้เปิดซิงประตูแรกของเขาเองให้กับทีมต้นสังกัดได้ ในนัดที่ทีม แอสตัน วิลล่า สามารถเอาชนะสโมสร สวอนซี ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ที่สวยหรู 2 - 0 โดยในนัดนั้นเขาได้ถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแทนที่ของทางด้าน อันเดรส ไวมันน์ พนันบอลออนไลน์ โดยประตูนี้เกิดจากการโหม่งสกัดบอลผิดพลาดของทาง แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ และทำให้เบนเตเก้ใช้เท้ากระดกบอลข้ามศรีษะของผู้รักษาประตูส่งบอลไปนอนอยู่ในก้นตาข่ายอย่างสวยงาม ในลูกยิงนี้ผู้จัดการทีมของ แอสตัน วิลล่า พอล แลมเบิร์ต ได้ออกมาชมว่าประตูนี้เขาทำไปได้ยังไง เมื่อฤดูกาลที่ 2013 - 2014 นั่นคือซีซั่นที่เบเตเก้ฟอร์มพีคแบบสุดๆ จากการที่เขาซัลโวลไปถึง 23 ประตูในฤดูกาลที่ 2012 - 2013 ทำให้เขาได้ตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่หลายๆทีมในยุโรป


มาร์ติน สเคอร์เทล สุดยอดนักเตะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเพอฟอร์แมนส์ เขาเคยเล่นให้กับทีมสโมสร แอสตัน วิลล่า ทำให้ชื่อเสียงของโด่งดังมากในเวลานั้น เขาได้เกิดในเมืองเล็กๆชื่อว่า คินชาซ่า ในปี ค.ศ. 1990 หลังจากนั้นได้ไม่นานพ่อกับแม่ของเขาก็ได้พากันอพยพย้ายมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เมือง ลีแอจ ในประเทศ เบลเยี่ยม และเขาก็ได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลในหลังจากนั้น ในช่วงที่เขาอยู่กับสโมสร สตรองดาร์ด ลีแอจ และ เกงค์ เบนเตเก้เขาได้เริ่มหัดเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของสโมสร เจเอส ปีแอรร์รูส หลังจากเล่นได้ไม่นานเขาก็ได้ย้ายไปร่วมกับทีม เกงค์ และได้มีโอกาศลงเล่นในระดับโปรเฟรซเชอร์นอล และเขาก็ได้บินกลับมาเล่นให้กัยทีมลีแอจอีกครั้งเมื่อเดือน มกราคม ค.ศ. 2009 ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 2009 เขาก็ได้ถูกปล่อยให้ออกไปหาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ด้วยการปล่อยยืมตัวห้กับสโมสร เควี คอร์ทไรจค์ เอาไปใช้งานทั้งซีซั่นและในฤดูกาลต่อมาเขาก็ภูกปล่อยยืมตัวไปอีกให้กับทีม เมเคเลน โดยในครั้งดีอยู่ในดีลของ อลอยส์ นอง จากการที่เขาได้ย้ายจาก เอเคเลน ไปยังสโมสร สตรองดาร์ด ลีแอจ และเมื่อในซีซั่นที่ 2011 เขาได้ได้ตีตั๋วกลับไปที่สโมสร เกงค์ อีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้เขาไม่ได้กลับมาตัวเปล่า แต่เขากลับมาพร้อมกับฟอร์มที่สุดฮ็อตด้วยการยิงไป 19 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 37 นัด ในฤดูกาลนั้น เมื่อฤดูกาลที่ 2013 พนันบอลออนไลน์



เขาได้มีโอกาศได้มาโลดแล่นในศึกลูกหนังในเกาะอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เบเตเก้ เขาได้ตัดสินใจเว็นสัญญาเป็นระยะเวลา 4 ปี กับสโมสรดังใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นั่นก็คือทีมสโมสร แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านปอนด์ (ราว 171 ล้านบาท) และเขาก็ได้บอกผ่านสื่อว่าการที่เขาได้ย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกถือว่าเป็นความฝันของเขามาตลอด และตอนนี้ก็เหมือนว่าฝันของเขาได้กลายเป็นความจริงแล้ว และก็ต้องขอขอบคุณไปถึงผู้จัดการทีมของสโมสร เกงค์ ที่ทำให้มีการดีลครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2012 เบนเตเก้เขาได้เปิดซิงประตูแรกของเขาเองให้กับทีมต้นสังกัดได้ ในนัดที่ทีม แอสตัน วิลล่า สามารถเอาชนะสโมสร สวอนซี ซิตี้ ไปด้วยสกอร์ที่สวยหรู 2 - 0 โดยในนัดนั้นเขาได้ถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแทนที่ของทางด้าน อันเดรส ไวมันน์ พนันบอลออนไลน์ โดยประตูนี้เกิดจากการโหม่งสกัดบอลผิดพลาดของทาง แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ และทำให้เบนเตเก้ใช้เท้ากระดกบอลข้ามศรีษะของผู้รักษาประตูส่งบอลไปนอนอยู่ในก้นตาข่ายอย่างสวยงาม ในลูกยิงนี้ผู้จัดการทีมของ แอสตัน วิลล่า พอล แลมเบิร์ต ได้ออกมาชมว่าประตูนี้เขาทำไปได้ยังไง เมื่อฤดูกาลที่ 2013 - 2014 นั่นคือซีซั่นที่เบเตเก้ฟอร์มพีคแบบสุดๆ จากการที่เขาซัลโวลไปถึง 23 ประตูในฤดูกาลที่ 2012 - 2013 ทำให้เขาได้ตกเป็นข่าวกับทีมยักษ์ใหญ่หลายๆทีม


















พนันบอลออนไลน์

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ ดาวิด ลุยซ์

พนันบอลออนไลน์



ประวัติของ ดาวิด ลุยซ์







ข้อมูลส่วนตัว 


ชื่อเต็ม ดาวิด ลุยซ์ โมเรย์รา มาริญญู


วันเกิด 22 เมษายน ค.ศ. 1987  (อายุ 28 ปี)


สถานที่เเกิด เมือง เดียเดมา ประเทศ บราซิล


สัญชาติ บราซิล


ส่วนสูง 189 ซม.


น้ำหนัก 84 กก.


ลงเล่น 72 นัด


ยิงประตู 6 ประตู


ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


สโมสรปัจจุบัน ทีม ปารีส แชร์งแช็กต์แมง


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 32


ย้ายมาจากสโมสร เชลซี


พนันบอลออนไลน์


ประวัติการค้าแข้ง


ดาวิด ลุยซ์ เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีทั้งพรสวรรค์มาพร้อมกับพรแสวง เขาเป็นลูกครึ่งกาน่าซึ่งพ่อของเขาเป็นคนกาน่า ส่วนแม่ของเขานั้นเป็นสาวชาวดัตช์ เดอปาย เขาได้เกิดในเมือง มอร์เดช ประเทศ ฮอลแลนด์ หรือ เนอเธอร์แลนด์ นั่นเองเขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมสโมสรในระแวกบ้านเกิดเขานั่นก็คือทีม มอร์เดช เอฟซี เมื่อปี 2000 - 2003 ก่อนที่เขาจะได้ไปเข้าอคาเดมี่ของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ในปี 2003 ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 9 ขวบ เขาใช้เวลาประมาน 3 ซีซั่น กับทีมเยาวชนของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ก่อนที่เขาจะถูกทีมดังแห่งลีกดัตข์ อย่างสโมสร พีเอสวี ไอด์โฮเฟ่น ได้พาเจ้าหนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้เข้าสู่ทีมไปสานต่ออนาคตเมื่อปี 2006 ในช่วงที่เขาอยู่กับทางด้านต้นสโมสร เขาได้อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีมมานานตั้งแต่ปี 20011 จนถึงในปัจจุบันนี้ ในซีซั่นนั้นเขาได้ขึ้นไปทดสอบกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร พีเอสวี ในขณะที่เขาได้ลงเล่นให้กับทีม ยอง พีเอสวี อยู่ในตอนนั้น พนันบอลออนไลน์ และเขาก็ได้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม พนันบอลออนไลน์ หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกดันให้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ เข้าสู่ถิ่น ฟิลิปส์ สตาดิโอน ในที่สุด นัดแรกอย่างเป็นทางการของ เมมฟิส เดอปาย กับทีมชุดใหญ่นั้นก็คือเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2011 โดยเขาได้ลงเล่นในรายการบอลถ้วยและในนัดนั้น เดอปาย ได้เหมาคนเดียว 2 ประตู และทำให้ทีมเอาชนะไปได้ เมื่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 การได้ลงสัมผัสบรรยากาศในสนามลีกก็ได้เกิดขึ้น และในเกมนั้นทีมต้องออกไปเยือนสโมสร เฟเยนูร์ด แต่แล้วในแมตช์นั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของทีม พีเอสวี ด้วยสกอร์แบบฉิวเฉียด 3 - 2 และนั่นก็เริ่มทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น


เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีทั้งพรสวรรค์มาพร้อมกับพรแสวง เขาเป็นลูกครึ่งกาน่าซึ่งพ่อของเขาเป็นคนกาน่า ส่วนแม่ของเขานั้นเป็นสาวชาวดัตช์ เดอปาย เขาได้เกิดในเมือง มอร์เดช ประเทศ ฮอลแลนด์ หรือ เนอเธอร์แลนด์ นั่นเองเขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมสโมสรในระแวกบ้านเกิดเขานั่นก็คือทีม มอร์เดช เอฟซี เมื่อปี 2000 - 2003 ก่อนที่เขาจะได้ไปเข้าอคาเดมี่ของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ในปี 2003 ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 9 ขวบ พนันบอลออนไลน์ เขาใช้เวลาประมาน 3 ซีซั่น กับทีมเยาวชนของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ก่อนที่เขาจะถูกทีมดังแห่งลีกดัตข์ อย่างสโมสร พีเอสวี ไอด์โฮเฟ่น ได้พาเจ้าหนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้เข้าสู่ทีมไปสานต่ออนาคตเมื่อปี 2006 ในช่วงที่เขาอยู่กับทางด้านต้นสโมสร เขาได้อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีมมานานตั้งแต่ปี 20011 จนถึงในปัจจุบันนี้ ในซีซั่นนั้นเขาได้ขึ้นไปทดสอบกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร พีเอสวี ในขณะที่เขาได้ลงเล่นให้กับทีม ยอง พีเอสวี อยู่ในตอนนั้น พนันบอลออนไลน์ และเขาก็ได้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกดันให้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ เข้าสู่ถิ่น ฟิลิปส์ สตาดิโอน ในที่สุด นัดแรกอย่างเป็นทางการของ เมมฟิส เดอปาย กับทีมชุดใหญ่นั้นก็คือเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2011 โดยเขาได้ลงเล่นในรายการบอลถ้วยและในนัดนั้น เดอปาย ได้เหมาคนเดียว 2 ประตู และทำให้ทีมเอาชนะไปได้ เมื่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 การได้ลงสัมผัสบรรยากาศในสนามลีกก็ได้เกิดขึ้น และในเกมนั้นทีมต้องออกไปเยือนสโมสร เฟเยนูร์ด แต่แล้วในแมตช์นั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของทีม พีเอสวี ด้วยสกอร์แบบฉิวเฉียด 3 - 2 และนั่นก็เริ่มทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น


ดาวิด ลุยซ์ เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีทั้งพรสวรรค์มาพร้อมกับพรแสวง เขาเป็นลูกครึ่งกาน่าซึ่งพ่อของเขาเป็นคนกาน่า ส่วนแม่ของเขานั้นเป็นสาวชาวดัตช์ เดอปาย เขาได้เกิดในเมือง มอร์เดช ประเทศ ฮอลแลนด์ หรือ เนอเธอร์แลนด์ นั่นเองเขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมสโมสรในระแวกบ้านเกิดเขานั่นก็คือทีม มอร์เดช เอฟซี เมื่อปี 2000 - 2003 ก่อนที่เขาจะได้ไปเข้าอคาเดมี่ของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ในปี 2003 ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 9 ขวบ เขาใช้เวลาประมาน 3 ซีซั่น กับทีมเยาวชนของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ก่อนที่เขาจะถูกทีมดังแห่งลีกดัตข์ อย่างสโมสร พีเอสวี ไอด์โฮเฟ่น ได้พาเจ้าหนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้เข้าสู่ทีมไปสานต่ออนาคตเมื่อปี 2006 พนันบอลออนไลน์ ในช่วงที่เขาอยู่กับทางด้านต้นสโมสร เขาได้อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีมมานานตั้งแต่ปี 20011 จนถึงในปัจจุบันนี้ ในซีซั่นนั้นเขาได้ขึ้นไปทดสอบกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร พีเอสวี ในขณะที่เขาได้ลงเล่นให้กับทีม ยอง พีเอสวี อยู่ในตอนนั้น และเขาก็ได้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกดันให้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ เข้าสู่ถิ่น ฟิลิปส์ สตาดิโอน ในที่สุด นัดแรกอย่างเป็นทางการของ เมมฟิส เดอปาย กับทีมชุดใหญ่นั้นก็คือเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2011 โดยเขาได้ลงเล่นในรายการบอลถ้วยและในนัดนั้น เดอปาย ได้เหมาคนเดียว 2 ประตู และทำให้ทีมเอาชนะไปได้ เมื่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 การได้ลงสัมผัสบรรยากาศในสนามลีกก็ได้เกิดขึ้น และในเกมนั้นทีมต้องออกไปเยือนสโมสร เฟเยนูร์ด แต่แล้วในแมตช์นั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของทีม พีเอสวี ด้วยสกอร์แบบฉิวเฉียด 3 - 2 และนั่นก็เริ่มทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น


ดาวิด ลุยซ์ เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีทั้งพรสวรรค์มาพร้อมกับพรแสวง เขาเป็นลูกครึ่งกาน่าซึ่งพ่อของเขาเป็นคนกาน่า ส่วนแม่ของเขานั้นเป็นสาวชาวดัตช์ เดอปาย เขาได้เกิดในเมือง มอร์เดช ประเทศ ฮอลแลนด์ หรือ เนอเธอร์แลนด์ นั่นเองเขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมสโมสรในระแวกบ้านเกิดเขานั่นก็คือทีม มอร์เดช เอฟซี เมื่อปี 2000 - 2003 ก่อนที่เขาจะได้ไปเข้าอคาเดมี่ของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ในปี 2003 ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 9 ขวบ เขาใช้เวลาประมาน 3 ซีซั่น กับทีมเยาวชนของทีม สปาร์ต้า ร็อตเตอร์ดัม ก่อนที่เขาจะถูกทีมดังแห่งลีกดัตข์ อย่างสโมสร พีเอสวี ไอด์โฮเฟ่น ได้พาเจ้าหนูน้อยมหัศจรรย์คนนี้เข้าสู่ทีมไปสานต่ออนาคตเมื่อปี 2006 ในช่วงที่เขาอยู่กับทางด้านต้นสโมสร เขาได้อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทีมมานานตั้งแต่ปี 20011 จนถึงในปัจจุบันนี้ ในซีซั่นนั้นเขาได้ขึ้นไปทดสอบกับทีมชุดใหญ่ของสโมสร พีเอสวี ในขณะที่เขาได้ลงเล่นให้กับทีม ยอง พีเอสวี อยู่ในตอนนั้น พนันบอลออนไลน์ และเขาก็ได้โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกดันให้ขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ เข้าสู่ถิ่น ฟิลิปส์ สตาดิโอน ในที่สุด นัดแรกอย่างเป็นทางการของ เมมฟิส เดอปาย กับทีมชุดใหญ่นั้นก็คือเมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2011 โดยเขาได้ลงเล่นในรายการบอลถ้วยและในนัดนั้น เดอปาย ได้เหมาคนเดียว 2 ประตู และทำให้ทีมเอาชนะไปได้ เมื่อมาวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 การได้ลงสัมผัสบรรยากาศในสนามลีกก็ได้เกิดขึ้น และในเกมนั้นทีมต้องออกไปเยือนสโมสร เฟเยนูร์ด แต่แล้วในแมตช์นั้นก็จบลงด้วยชัยชนะของทีม พีเอสวี ด้วยสกอร์แบบฉิวเฉียด 3 - 2 และนั่นก็เริ่มทำให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้น
















พนันบอลออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ แจ็ค กรีลิช

พนันบอลออนไลน์


ประวัติของ แจ็ค กรีลิช




ข้อมูลส่วนตัว 


ชื่อเต็ม แจ็ค กรีลิช


วันเกิด 10 กันยายน ค.ศ. 1995  (อายุ 19 ปี)


เกิดที่ เมือง โซลิฮัลล์ ประเทศ อังกฤษ


สัญชาติ อังกฤษ


ส่วนสูง 175 ซม.


น้ำหนัก 68 กก.


ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรุก


สโมสรปัจจุบัน แอสตัน วิลล่า


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 40


ย้ายมาจาก สโมสร น็อต เคาส์ตี้


พนันบอลออนไลน์


ประวัติการค้าแข้ง


แจ็ค กรีลิช  เขาคือหนึ่งในสุดยอดกองหน้าแห่งศึก ลาลีก้า สเปน แต่ทว่าว่าถ้าจะให้พูดถึงคู่แข่งของเขาล้วนแล้วมีแต่ซุปเปอร์สตาร์ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่ และอาจจะมีสตาร์อื่นๆแทรกเข้ามาอย่าง หลุยส์ ซัวเรส , เนย์ มาร์ , แกเร็ธ เบล แต่มีอยู่ 1 คนที่ในตอนนี้เขาระเบิดฟอร์มได้ดุเดือดมาก ด้วยการพาทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์ถ้วยเล็กของยุโรปนั่นก็คือ ยูโรป้า ลีก มาครอบครองไว้ได้สำเร็จในนัดชิงนั้นเขายังเหมาคนเดียวไป 2 ตุง พูดมาซะขนาดนี้แล้วหลายๆคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ คาร์รอส บัคก้า ศุนย์หน้าบ้าพลังเลือดโคลอมเบียนั่นเองครับ เมื่อฤดูกาลที่ 2006 เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมสโมสร แอตเลติโก้ จูเนียร์ ทีมเล็กๆในประเทศบ้านเกิดของเขานั่นเอง ซึ่งเขาได้ถูกจับให้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตอนนั้นเลย พนันบอลออนไลน์ ในตอนนั้นเขาทำงานไปด้วยพร้อมกับเล่นฟุตบอลไปด้วย และงานในตอนนั้นของเขาก็คือการขับรถโดยสาร และเขาก็ได้ทำมันเป็นประจำในช่วงที่เขาออกจากการซ้อมบอลเสร็จ ที่เขาต้องทำทุกอย่างแบบนี้ก็เพราะว่าเขาได้เกิดมาในครอบที่ที่ค่อนข้างลำบากมากๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายไปเตะให้กับทีม บาร์รันคิลล่า ด้วยสัญญาการยืมตัว การ์รอส บัคก้า เขาได้ถูกยืมตัวมาใช้งานกับสโมสรบาร์รันคิลล่า และเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองเลยทีเดียว ด้วยการที่เขาลงสนามไป 27 นัด และสามารถยิงไปได้ถึง 12 ลูก และพอซีซั่นนั้นได้จบลงก็ได้มีทีมจาก เวเนซูเอล่า อย่าง มิเนอร์เว็น เข้ามาติดต่อขอยืมตัวเขาไปใช้งานเป็นเวลา 1 ปี ฤดูกาลที่ 2007 - 2008 บักก้า ได้กลายเป็นขวัญใจของมหาชนแฟนบอลทีม มิเนอร์เว็น เป็นอย่างมากจากการที่เขาสามารถพาทีมจบอันดับ 2 ของตารางได้ ในซีวั่นนั้นเขาซัดไปทั้งหมด 12 ตุง จากการที่เขาได้ลงเล่นไป 29 แมตช์ และเมื่อหมดสัญญาการยืมตัว เขาก็ได้กลับมายังทีมต้นสังกัดอีกครั้ง


เมื่อฤดูกาลที่ 2008 - 2009 เขาได้กลับมาเล่นให้กับทีม บาร์รันคิลล่า อีกครั้งและในซีซั่นนี้เขาได้โชว์ฟอร์มในการล่าตาข่ายได้อย่างแพรวพราวมากเลยทีเดียว และเขาก็ได้รางวัลตอบแทนนั่นก็คือการคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดในลีกมาครองได้ ด้วยการที่เขากดไปทั้งหมด 14 ลูก จากการลงสนามเพียง 19 นัด หลังจากนั้นต่อมาที่เขาได้ร่อนเร่พเนจรไปๆมาๆ 2 สโมสร ในฤดูกาลที่ 2009 - 2010 เขาก็ได้กลับมาอยู่กับทีมต้นสังกัดที่แท้จริงของเขานั่นก็คือ แอตเลติก จูเนียร์ โดยการกลับมาครั้งนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ทำให้ทีมต้นสังกัดได้จับเขาเซ็นสัญญษให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพในทันที และสำหรับซีซั่นแรกของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็ไดเริ่มขึ้น บักก้า เขาสามรถและเรียนรู้ในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในการเป็นนักเตะอาชีพ และในฤดูกาลแรกของเขาก็สามารถคว้ารางวัลดาวยิงสูงสุดของลีก โคปา โคลอมเบีย ได้เมื่อปี ค.ศ. 2009 พนันบอลออนไลน์ และในซีซั่นถัดมา บักก้า เขาก็ได้กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของลีก โคลอมเบีย ยังไม่พอแค่เท่านั้นเมื่อปี ค.ศ. 2011 บักก้า ก็ได้สร้างสถิติของตัวเองอีกครั้งด้วยการคว้ารางซํลโวของลีกเป็นครั้งที่ 2 ของเจ้าตัวเอง และได้พาทีม แอตเลติโก้ จูเนียร์ จบอันดับที่ 6 และ 7 ตามลำดับข้างต้น จากการยิงประตูอย่างบ้าคลั่งของเขาทำให้ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วประเทศ โคลอมเบีย และยังดังต่อไปจนถึงฝั่งยุโรปอีกด้วย แต่ในช่วงนั้นก็เป็นเพียงสโมสรเล็กๆอย่างทีม โลโคโมทีฟ มอสโก และทีม คิเอโว่ เพียง 2 ทีมเท่านั้นที่คอยตามดูฟอร์มการเล่นของเขา เพื่อหวังที่จะคว้าตัวของเขาไปร่วมทีม แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นทีม โคโลโมทีฟ มอสโก ก็ได้เปลี่ยนเป้าไปเซ็นสัญญากับกองหน้าอย่าง เฟลิเป้ ไซเซโด้ และในตอนนั้นบักก้า เขาก็ได้มองหาทีมใหม่ๆต่อไปเรื่อยๆ และในตอนที่เขาลงเล่นให้กับทีม แอตเลติโก้ จูเนียร์ เขามีสถิติลงสนามไป 130 นัด และซัดไปอีก 73 ประตู


แจ็ค กรีลิช เขาคือหนึ่งในสุดยอดกองหน้าแห่งศึก ลาลีก้า สเปน แต่ทว่าว่าถ้าจะให้พูดถึงคู่แข่งของเขาล้วนแล้วมีแต่ซุปเปอร์สตาร์ ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือว่าจะเป็น ลิโอเนล เมสซี่ และอาจจะมีสตาร์อื่นๆแทรกเข้ามาอย่าง หลุยส์ ซัวเรส , เนย์ มาร์ , แกเร็ธ เบล แต่มีอยู่ 1 คนที่ในตอนนี้เขาระเบิดฟอร์มได้ดุเดือดมาก ด้วยการพาทีมต้นสังกัดคว้าแชมป์ถ้วยเล็กของยุโรปนั่นก็คือ ยูโรป้า ลีก มาครอบครองไว้ได้สำเร็จในนัดชิงนั้นเขายังเหมาคนเดียวไป 2 ตุง พูดมาซะขนาดนี้แล้วหลายๆคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดีนั่นก็คือ คาร์รอส บัคก้า ศุนย์หน้าบ้าพลังเลือดโคลอมเบียนั่นเองครับ เมื่อฤดูกาลที่ 2006 เขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมสโมสร แอตเลติโก้ จูเนียร์ พนันบอลออนไลน์ ทีมเล็กๆในประเทศบ้านเกิดของเขานั่นเอง ซึ่งเขาได้ถูกจับให้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตอนนั้นเลย ในตอนนั้นเขาทำงานไปด้วยพร้อมกับเล่นฟุตบอลไปด้วย และงานในตอนนั้นของเขาก็คือการขับรถโดยสาร และเขาก็ได้ทำมันเป็นประจำในช่วงที่เขาออกจากการซ้อมบอลเสร็จ ที่เขาต้องทำทุกอย่างแบบนี้ก็เพราะว่าเขาได้เกิดมาในครอบที่ที่ค่อนข้างลำบากมากๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายไปเตะให้กับทีม บาร์รันคิลล่า ด้วยสัญญาการยืมตัว การ์รอส บัคก้า เขาได้ถูกยืมตัวมาใช้งานกับสโมสรบาร์รันคิลล่า และเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองเลยทีเดียว ด้วยการที่เขาลงสนามไป 27 นัด และสามารถยิงไปได้ถึง 12 ลูก และพอซีซั่นนั้นได้จบลงก็ได้มีทีมจาก เวเนซูเอล่า อย่าง มิเนอร์เว็น เข้ามาติดต่อขอยืมตัวเขาไปใช้งานเป็นเวลา 1 ปี ฤดูกาลที่ 2007 - 2008 บักก้า ได้กลายเป็นขวัญใจของมหาชนแฟนบอลทีม มิเนอร์เว็น เป็นอย่างมากจากการที่เขาสามารถพาทีมจบอันดับ 2 ของตารางได้ ในซีวั่นนั้นเขาซัดไปทั้งหมด 12 ตุง จากการที่เขาได้ลงเล่นไป 29 แมตช์ และเมื่อหมดสัญญาการยืมตัว เขาก็ได้กลับมายังทีมต้นสังกัดอีกครั้ง


ฤดูกาลที่ 2009 - 2010 เขาก็ได้กลับมาอยู่กับทีมต้นสังกัดที่แท้จริงของเขานั่นก็คือ แอตเลติก จูเนียร์ โดยการกลับมาครั้งนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ทำให้ทีมต้นสังกัดได้จับเขาเซ็นสัญญษให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพในทันที และสำหรับซีซั่นแรกของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาก็ไดเริ่มขึ้น บักก้า เขาสามรถและเรียนรู้ในการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในการเป็นนักเตะอาชีพ และในฤดูกาลแรกของเขาก็สามารถคว้ารางวัลดาวยิงสูงสุดของลีก โคปา โคลอมเบีย ได้เมื่อปี ค.ศ. 2009 พนันบอลออนไลน์ และในซีซั่นถัดมา บักก้า เขาก็ได้กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของลีก โคลอมเบีย ยังไม่พอแค่เท่านั้นเมื่อปี ค.ศ. 2011 บักก้า ก็ได้สร้างสถิติของตัวเองอีกครั้งด้วยการคว้ารางซํลโวของลีกเป็นครั้งที่ 2 ของเจ้าตัวเอง และได้พาทีม แอตเลติโก้ จูเนียร์ จบอันดับที่ 6 และ 7 ตามลำดับข้างต้น


จากการยิงประตูอย่างบ้าคลั่งของเขาทำให้ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วประเทศ โคลอมเบีย และยังดังต่อไปจนถึงฝั่งยุโรปอีกด้วย แต่ในช่วงนั้นก็เป็นเพียงสโมสรเล็กๆอย่างทีม โลโคโมทีฟ มอสโก และทีม คิเอโว่ เพียง 2 ทีมเท่านั้นที่คอยตามดูฟอร์มการเล่นของเขา เพื่อหวังที่จะคว้าตัวของเขาไปร่วมทีม แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นทีม โคโลโมทีฟ มอสโก ก็ได้เปลี่ยนเป้าไปเซ็นสัญญากับกองหน้าอย่าง เฟลิเป้ ไซเซโด้ และในตอนนั้นบักก้า เขาก็ได้มองหาทีมใหม่ๆต่อไปเรื่อยๆ และในตอนที่เขาลงเล่นให้กับทีม แอตเลติโก้ จูเนียร์ เขามีสถิติลงสนามไป 130 นัด และซัดไปอีก 73 ประตู ซึ่งเขาได้ถูกจับให้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในตอนนั้นเลย ในตอนนั้นเขาทำงานไปด้วยพร้อมกับเล่นฟุตบอลไปด้วย และงานในตอนนั้นของเขาก็คือการขับรถโดยสาร และเขาก็ได้ทำมันเป็นประจำในช่วงที่เขาออกจากการซ้อมบอลเสร็จ ที่เขาต้องทำทุกอย่างแบบนี้ก็เพราะว่าเขาได้เกิดมาในครอบที่ที่ค่อนข้างลำบากมากๆ หลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายไปเตะให้กับทีม บาร์รันคิลล่า ด้วยสัญญาการยืมตัว การ์รอส บัคก้า เขาได้ถูกยืมตัวมาใช้งานกับสโมสรบาร์รันคิลล่า และเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกระเทียมดองเลยทีเดียว ด้วยการที่เขาลงสนามไป 27 นัด และสามารถยิงไปได้ถึง 12 ลูก และพอซีซั่นนั้นได้จบลงก็ได้มีทีมจาก เวเนซูเอล่า อย่าง มิเนอร์เว็น เข้ามาติดต่อขอยืมตัวเขาไปใช้งานเป็นเวลา 1 ปี ฤดูกาลที่ 2007 - 2008 บักก้า ได้กลายเป็นขวัญใจของมหาชนแฟนบอลทีม มิเนอร์เว็น เป็นอย่างมากจากการที่เขาสามารถพาทีมจบอันดับ 2 ของตารางได้ ในซีวั่นนั้นเขาซัดไปทั้งหมด 12 ตุง จากการที่เขาได้ลงเล่นไป 29 แมตช์ และเมื่อหมดสัญญาการยืมตัว เขาก็ได้กลับมายังทีมต้นสังกัดอีกครั้ง






















พนันบอลออนไลน์

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ อดัม บ็อกดาน

พนันบอลออนไลน์


ประวัติของ อดัม บ็อกดาน







ข้อมูลผู้เล่น


ชื่อจริง อดัม บ็อกดาน


วันเกิด 27 กันยายน ค.ศ. 1987 (อายุ 28 ปี)


สถานที่เกิด เมือง บูดาเปสต์ ประเทศ ฮังการี


สัญชาติ ฮังการี


ส่วนสูง 194 ซม.


น้ำหนัก 85 กก.


ลงเล่น 57 นัด


ยิงประตู 0 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าซ้าย


ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู


สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 32


พนันบอลออนไลน์


เส้นทางการค้าแข้ง 


อดัม บ็อกดาน นายทวารมือหนึ่งแห่งทีม ยูเวนตุส และทีมชาติ ชิลี เขาได้เติบโตมาในแถบ ฆาน ฆัวกิน ในตัวเมือง ซานดเอโก้ ประเทศ ชิลี และเขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร โคโร่ - โคโร่ ทีมในลีกสูงสุดในประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงฤดูกาล 2005 - 2007 วิดัล เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังอาชีพในช่วงเรกแรกของลีก อาเปร์ตูร่า ซีซั่น 2006 และได้พบกับทีมคู่ปรับตลอดกาลกาลอย่างทีม ยูนิเวอร์ซิดาด เด ชิลี โดยเขาถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแมนที่ทางด้าน กอนซาโล่ ฟิเอร์โร่ และในนัดนั้นทีมเขาได้เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2 - 1 และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จโดยในปีเดียวกัน (เคลาซูร่า 2006) ซึ่งเขาก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่สามารถทำให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้ 2 แชมป์ในปีเดียวกันนอกจากนี้ วิดัล เขาก็ยังยิงประตูให้กับทีมต้นสังกัดได้ 3 ลูก ในรายการ โคปา ซูดาเมริกาน่า 2006 ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ก็ทำให้ไปเข้าตาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างๆในลีกยุโรป เมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2011 ดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้วลีก อาเปร์ตูร่า 2007 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเจ้าตัวกับทีม โคโล - โคโล่ หลังจากที่เขาได้ตัดสินใจเซ็นสัญญษเข้าร่วมทัพกับทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงซัมเมอร์ในซีซั่นนั้น เหตุผลที่เขาย้ายไปร่วมทัพด้วยนั่นก็เพราะทีม "ห้างยา" พนันบอลออนไลน์ ได้ติดตามดูฟอร์มของเขามาหลายต่อหลายนัดแล้ว หลังจากจบรายการแข่งขันฟุตบอลโลก ยู - 20 และทำให้ รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการของทีมได้ตัดสินใจบินไปถึงชิลี เพื่อที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวกองกลางวัย 20 ปี คนนี้มาร่วมทัพ เขาได้พลาดเกมแรกในการลงสนามด้วยเพราะอาการบาดเจ็บที่บริเวณโคนขาหนีบ แต่ทว่าเขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้อยู่ในทีมชุดแรก และเขาได้ลงสนามกับทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ในเกมที่ทีมบุกไปพ่ายให้กับ ฮัมบูร์ก



อดัม บ็อกดาน นายทวารมือหนึ่งแห่งทีม ยูเวนตุส และทีมชาติ ชิลี เขาได้เติบโตมาในแถบ ฆาน ฆัวกิน ในตัวเมือง ซานดเอโก้ ประเทศ ชิลี และเขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร โคโร่ - โคโร่ ทีมในลีกสูงสุดในประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงฤดูกาล 2005 - 2007 วิดัล เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังอาชีพในช่วงเรกแรกของลีก อาเปร์ตูร่า ซีซั่น 2006 พนันบอลออนไลน์ และได้พบกับทีมคู่ปรับตลอดกาลกาลอย่างทีม ยูนิเวอร์ซิดาด เด ชิลี โดยเขาถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแมนที่ทางด้าน กอนซาโล่ ฟิเอร์โร่ และในนัดนั้นทีมเขาได้เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2 - 1 และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จโดยในปีเดียวกัน (เคลาซูร่า 2006) ซึ่งเขาก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่สามารถทำให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้ 2 แชมป์ในปีเดียวกันนอกจากนี้ วิดัล เขาก็ยังยิงประตูให้กับทีมต้นสังกัดได้ 3 ลูก ในรายการ โคปา ซูดาเมริกาน่า 2006 ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ก็ทำให้ไปเข้าตาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างๆในลีกยุโรป เมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2011 ดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้วลีก อาเปร์ตูร่า 2007 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเจ้าตัวกับทีม โคโล - โคโล่ หลังจากที่เขาได้ตัดสินใจเซ็นสัญญษเข้าร่วมทัพกับทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงซัมเมอร์ในซีซั่นนั้น เหตุผลที่เขาย้ายไปร่วมทัพด้วยนั่นก็เพราะทีม "ห้างยา" ได้ติดตามดูฟอร์มของเขามาหลายต่อหลายนัดแล้ว หลังจากจบรายการแข่งขันฟุตบอลโลก ยู - 20 และทำให้ รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการของทีมได้ตัดสินใจบินไปถึงชิลี เพื่อที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวกองกลางวัย 20 ปี คนนี้มาร่วมทัพ เขาได้พลาดเกมแรกในการลงสนามด้วยเพราะอาการบาดเจ็บที่บริเวณโคนขาหนีบ แต่ทว่าเขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้อยู่ในทีมชุดแรก และเขาได้ลงสนามกับทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ในเกมที่ทีมบุกไปพ่ายให้กับ ฮัมบูร์ก



อดัม บ็อกดาน นายทวารมือหนึ่งแห่งทีม ยูเวนตุส และทีมชาติ ชิลี เขาได้เติบโตมาในแถบ ฆาน ฆัวกิน ในตัวเมือง ซานดเอโก้ ประเทศ ชิลี และเขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร โคโร่ - โคโร่ ทีมในลีกสูงสุดในประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงฤดูกาล 2005 - 2007 วิดัล เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังอาชีพในช่วงเรกแรกของลีก อาเปร์ตูร่า ซีซั่น 2006 และได้พบกับทีมคู่ปรับตลอดกาลกาลอย่างทีม ยูนิเวอร์ซิดาด เด ชิลี โดยเขาถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแมนที่ทางด้าน กอนซาโล่ ฟิเอร์โร่ และในนัดนั้นทีมเขาได้เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2 - 1 พนันบอลออนไลน์ และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จโดยในปีเดียวกัน (เคลาซูร่า 2006) ซึ่งเขาก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่สามารถทำให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้ 2 แชมป์ในปีเดียวกันนอกจากนี้ วิดัล เขาก็ยังยิงประตูให้กับทีมต้นสังกัดได้ 3 ลูก ในรายการ โคปา ซูดาเมริกาน่า 2006 ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ก็ทำให้ไปเข้าตาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างๆในลีกยุโรป เมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2011 ดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้วลีก อาเปร์ตูร่า 2007 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเจ้าตัวกับทีม โคโล - โคโล่ หลังจากที่เขาได้ตัดสินใจเซ็นสัญญษเข้าร่วมทัพกับทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงซัมเมอร์ในซีซั่นนั้น เหตุผลที่เขาย้ายไปร่วมทัพด้วยนั่นก็เพราะทีม "ห้างยา" ได้ติดตามดูฟอร์มของเขามาหลายต่อหลายนัดแล้ว หลังจากจบรายการแข่งขันฟุตบอลโลก ยู - 20 และทำให้ รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการของทีมได้ตัดสินใจบินไปถึงชิลี เพื่อที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวกองกลางวัย 20 ปี คนนี้มาร่วมทัพ เขาได้พลาดเกมแรกในการลงสนามด้วยเพราะอาการบาดเจ็บที่บริเวณโคนขาหนีบ แต่ทว่าเขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้อยู่ในทีมชุดแรก และเขาได้ลงสนามกับทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ในเกมที่ทีมบุกไปพ่ายให้กับ ฮัมบูร์ก




อดัม บ็อกดาน นายทวารมือหนึ่งแห่งทีม ยูเวนตุส และทีมชาติ ชิลี เขาได้เติบโตมาในแถบ ฆาน ฆัวกิน ในตัวเมือง ซานดเอโก้ ประเทศ ชิลี และเขาได้เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสร โคโร่ - โคโร่ ทีมในลีกสูงสุดในประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงฤดูกาล 2005 - 2007 วิดัล เขาได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังอาชีพในช่วงเรกแรกของลีก อาเปร์ตูร่า ซีซั่น 2006 และได้พบกับทีมคู่ปรับตลอดกาลกาลอย่างทีม ยูนิเวอร์ซิดาด เด ชิลี โดยเขาถูกส่งลงไปในฐานะตัวสำรองแมนที่ทางด้าน กอนซาโล่ ฟิเอร์โร่ และในนัดนั้นทีมเขาได้เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2 - 1 และสามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จโดยในปีเดียวกัน (เคลาซูร่า 2006) ซึ่งเขาก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่สามารถทำให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้ 2 แชมป์ในปีเดียวกันนอกจากนี้ วิดัล เขาก็ยังยิงประตูให้กับทีมต้นสังกัดได้ 3 ลูก ในรายการ โคปา ซูดาเมริกาน่า 2006 ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นของเขา ก็ทำให้ไปเข้าตาบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ต่างๆในลีกยุโรป เมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2011
 พนันบอลออนไลน์ ดูจากสถานการณ์ที่ผ่านมาแล้วลีก อาเปร์ตูร่า 2007 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเจ้าตัวกับทีม โคโล - โคโล่ หลังจากที่เขาได้ตัดสินใจเซ็นสัญญษเข้าร่วมทัพกับทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในช่วงซัมเมอร์ในซีซั่นนั้น เหตุผลที่เขาย้ายไปร่วมทัพด้วยนั่นก็เพราะทีม "ห้างยา" ได้ติดตามดูฟอร์มของเขามาหลายต่อหลายนัดแล้ว หลังจากจบรายการแข่งขันฟุตบอลโลก ยู - 20 และทำให้ รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้อำนวยการของทีมได้ตัดสินใจบินไปถึงชิลี เพื่อที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวกองกลางวัย 20 ปี คนนี้มาร่วมทัพ เขาได้พลาดเกมแรกในการลงสนามด้วยเพราะอาการบาดเจ็บที่บริเวณโคนขาหนีบ แต่ทว่าเขาก็ยังได้รับความไว้วางใจให้อยู่ในทีมชุดแรก และเขาได้ลงสนามกับทีมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 2007 ในเกมที่ทีมบุกไปพ่ายให้กับ ฮัมบูร์ก





















พนันบอลออนไลน์

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ คริสเตียน โรดริเกวซ

พนันบอลออนไลน์



ประวัติของ คริสเตียน โรดริเกวซ 







ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อเต็ม คริสเตียน โรดริเกวซ


วันเกิด 30 กันยายน ค.ศ. 1985  (อายุ 29 ปี)


สถานที่เกิด เมือง ฆวน ลากาเซ่ ประเทศ อุรุกวัย


สัญชาติ อุรุกวัย


ส่วนสูง 177 ซม.


น้ำหนัก 72 กก.


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


ตำแหน่ง ปีกขวา


สโมสรปัจจุบัน แอตแลนติโก มาดริด


ลงเล่น 145 นัด


ยิงประตู 15 ประตู


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 10


พนันบอลออนไลน์


ประวัติการค้าแข้ง


คริสเตียน โรดริเกวซ เขาเป็นนักฟุตบอลเลือดอุรุกวัย เขาเคยเล่นให้สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกและเขายังเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ อีกด้วย และเขายังเคยเล่นให้กับอีกหลายๆทีมใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เช่น ลีดส์ ยูไนเต็ด , สวินดอน ทาวน์ , นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า เมื่อฤดูกาลที่ 2002 - 2004 มิลเนอร์เขาได้มีโอกาศลงสนามให้กับทีม"ยูงทอง"เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 โดยพบกับทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเขาถูกส่งลงสนามไปในฐานะตัวสำรองแทนที่ทางด้าน เจสัน วิลค็อกซ์ ในช่วงท้ายๆของแมตช์นั้น และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ที่ได้ลงเล่นในรายการ พรีเมียร์ ลีก ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับอีก 309 วัน และในศึก บ็อกซิ่งเดย์ เขาก็ได้กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถยิงได้ในฟุตบอลลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ ในวัย 16 ปี กับอีก 359 วัน และจากประตูนั้นก็ช่วยให้ทีมเอาชนะคู่แข่งอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 2 - 1 พนันบอลออนไลน์ และเขาก็ได้ทำลายสถิติของ เจมส์ วอห์น นักเตะเยาวชนของทางด้านสโมสร เอฟเวอร์ตัน หลังจากที่เขาได้ลงสนามช่วยทีมต้นสังกัดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาได้รับรางวัลจากทางต้นสโมสรด้วยการจับต่อสัญญาออกไปอีก 5 ปี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 และเมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาถึงฤดูกาลที่ 2003 - 2004 ทางต้นสังกัดเขาได้ปล่อยตัวมิลเนอร์ให้กับสโมสร สวินดอน ทาวน์ ด้วยสัญญายืมตัว และเขาก็ได้ลงไปเล่นในลีก ทู เพื่อที่จะให้เขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการลงเล่นในฐานะ 11 ผู้เล่นตัวจริงเป็นเวลา 1 เดือน และเขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 6 นัด และสามารถยิงไปได้ 2 ประตู



อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของทางด้านทีม ปอร์โต้ ไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ซึ่งในตอนนั้นทางทีมยูงทองมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงทำให้ทางสโมสรต้องปล่อยนักเตะตัวเก่งๆออกจากทีม เพื่อที่จะหาเงินมาทำทีมต่อไปในภายภาคหน้า และมิลเนอร์เองก็อยู่ในแผนการทำที เพราะเขายังเด็กอยู่และยังเป็นนักเตะปั้นของสโมสร เขาจึงได้มีโอกาศอยู่ช่วยทีมอีกต่อไปได้ แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้มากมายนัก เมื่อทีมของเขาต้องตกชั้นไปในฤดูกาลดังกล่าว และในตอนนั้นเขาได้รับความสนใจจากทีมต่างๆใน พรีเมียร์ ลีก อย่างเช่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส , แอสตัน วิลล่า และ เอฟเวอร์ตัน แต่เขาก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอของทุกทีมที่ยื่นมา เพราะทางสโมสร"ยูงทอง"ได้ออกมาบอกว่าเขาคืออนาคตของลีดส์ พนันบอลออนไลน์ แต่แล้วในที่สุดปัญหาในด้านการเงินของสโมสรก็เริ่มบานปลาย จนทำให้มิลเนอร์ถูกขายไปให้กับทางสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาน 3.6 ล้านปอนด์ (ราว 191 ล้านบาท) ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยแฮปปี้กับการที่สโมสรปล่อยตัวเขาออกมาก็ตาม ซึ่งในวันที่ 14 กรกฏาคม ค.ศ. 2004 เขาได้ตกลงปลงใจเซ็นสัญญากับสโมสร "สาริกาดง" เป็นเวลา 5 ปี เมื่อฤดูกาล 2004 - 2005 ได้เริ่มขึ้น มิลเนอร์ได้โอกาศลงสนามเป็นนัดแรกให้กับทาง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในระหว่างการทัวร์ปรีซีซั่น ที่เอเซีย และเขาได้ยิงประตูแรกได้ในนัดที่แข่งกับทีม คิตฉี 1 - 1 และเขาได้ลงสนามเป็นเกมแรกใน พรีเมียร์ ลีก ในนัดที่เจอกับทีม มิดเดิ้ลสโบรซ์ ในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2004 และเขาก็ได้โชว์ฟอร์มการเล่นในตำแหน่งปีกขวาได้อย่างโดดเด่น แม้ว่าตำแหน่งที่แท้จริงเขาจะเป็นปีกซ้ายก็ตาม ภายหลังต่อมาสถานการณ์ของมิลเนอร์ก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังจากการเข้ามาคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่ แกรม ซูเนสส์ ทำให้เขาได้รับโอกาศลงสนามเพียง 13 แมตช์ แต่เขาก็ไม่เคยได้ลงสนามในฐานะตัวจริงซักที



สุดยอดปีกจอมกระชาก คริสเตียน โรดริเกวซ เขาเป็นนักฟุตบอลเลือดอุรุกวัย เขาเคยเล่นให้สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกและเขายังเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ อีกด้วย และเขายังเคยเล่นให้กับอีกหลายๆทีมใน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เช่น ลีดส์ ยูไนเต็ด , สวินดอน ทาวน์ , นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แอสตัน วิลล่า เมื่อฤดูกาลที่ 2002 - 2004 มิลเนอร์เขาได้มีโอกาศลงสนามให้กับทีม "ยูงทอง" เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 โดยพบกับทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด โดยเขาถูกส่งลงสนามไปในฐานะตัวสำรองแทนที่ทางด้าน เจสัน วิลค็อกซ์ ในช่วงท้ายๆของแมตช์นั้น และนั่นก็ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ที่ได้ลงเล่นในรายการ พรีเมียร์ ลีก ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับอีก 309 วัน และในศึก บ็อกซิ่งเดย์ เขาก็ได้กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถยิงได้ในฟุตบอลลีกสูงสุดของเกาะอังกฤษ ในวัย 16 ปี กับอีก 359 วัน และจากประตูนั้นก็ช่วยให้ทีมเอาชนะคู่แข่งอย่าง ซันเดอร์แลนด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 2 - 1 และเขาก็ได้ทำลายสถิติของ เจมส์ วอห์น นักเตะเยาวชนของทางด้านสโมสร เอฟเวอร์ตัน หลังจากที่เขาได้ลงสนามช่วยทีมต้นสังกัดมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาได้รับรางวัลจากทางต้นสโมสรด้วยการจับต่อสัญญาออกไปอีก 5 ปี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 และเมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาถึงฤดูกาลที่ 2003 - 2004 ทางต้นสังกัดเขาได้ปล่อยตัวมิลเนอร์ให้กับสโมสร สวินดอน ทาวน์ ด้วยสัญญายืมตัว และเขาก็ได้ลงไปเล่นในลีก ทู เพื่อที่จะให้เขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการลงเล่นในฐานะ 11 ผู้เล่นตัวจริงเป็นเวลา 1 เดือน และเขาได้ลงเล่นไปทั้งหมด 6 นัด และสามารถยิงไปได้ 2 ประตู  พนันบอลออนไลน์




สถานการณ์ของทางด้านทีม ปอร์โต้ ไม่ค่อยจะสู้ดีซักเท่าไหร่ซึ่งในตอนนั้นทางทีมยูงทองมีปัญหาเรื่องการเงิน จึงทำให้ทางสโมสรต้องปล่อยนักเตะตัวเก่งๆออกจากทีม เพื่อที่จะหาเงินมาทำทีมต่อไปในภายภาคหน้า และมิลเนอร์เองก็อยู่ในแผนการทำที เพราะเขายังเด็กอยู่และยังเป็นนักเตะปั้นของสโมสร เขาจึงได้มีโอกาศอยู่ช่วยทีมอีกต่อไปได้ แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้มากมายนัก เมื่อทีมของเขาต้องตกชั้นไปในฤดูกาลดังกล่าว และในตอนนั้นเขาได้รับความสนใจจากทีมต่างๆใน พรีเมียร์ ลีก อย่างเช่น ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ส , แอสตัน วิลล่า และ เอฟเวอร์ตัน แต่เขาก็ได้ปฏิเสธข้อเสนอของทุกทีมที่ยื่นมา เพราะทางสโมสร"ยูงทอง"ได้ออกมาบอกว่าเขาคืออนาคตของลีดส์ แต่แล้วในที่สุดปัญหาในด้านการเงินของสโมสรก็เริ่มบานปลาย จนทำให้มิลเนอร์ถูกขายไปให้กับทางสโมสร นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวอยู่ที่ประมาน 3.6 ล้านปอนด์ (ราว 191 ล้านบาท) ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยแฮปปี้กับการที่สโมสรปล่อยตัวเขาออกมาก็ตาม ซึ่งในวันที่ 14 กรกฏาคม ค.ศ. 2004 เขาได้ตกลงปลงใจเซ็นสัญญากับสโมสร "สาริกาดง" เป็นเวลา 5 ปี เมื่อฤดูกาล 2004 - 2005 ได้เริ่มขึ้น มิลเนอร์ได้โอกาศลงสนามเป็นนัดแรกให้กับทาง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พนันบอลออนไลน์ ในระหว่างการทัวร์ปรีซีซั่น ที่เอเซีย และเขาได้ยิงประตูแรกได้ในนัดที่แข่งกับทีม คิตฉี 1 - 1 และเขาได้ลงสนามเป็นเกมแรกใน พรีเมียร์ ลีก ในนัดที่เจอกับทีม มิดเดิ้ลสโบรซ์ ในวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2004 และเขาก็ได้โชว์ฟอร์มการเล่นในตำแหน่งปีกขวาได้อย่างโดดเด่น แม้ว่าตำแหน่งที่แท้จริงเขาจะเป็นปีกซ้ายก็ตาม ภายหลังต่อมาสถานการณ์ของมิลเนอร์ก็ต้องเปลี่ยนไปอีกครั้ง หลังจากการเข้ามาคุมทีมของผู้จัดการทีมคนใหม่ แกรม ซูเนสส์ ทำให้เขาได้รับโอกาศลงสนามเพียง 13 แมตช์ แต่เขาก็ไม่เคยได้ลงสนามในฐานะตัวจริงซักที





















พนันบอลออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่

พนันบอลออนไลน์




ประวัติของ โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่







ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อจริง โรแบร์โต้ เฟียร์มีโน่


เกิดวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1991 (อายุ 23 ปี)


สถานที่เกิด เมือง มาเซโอ ประเทศ บราซิล


สัญชาติ บราซิล


ส่วนสูง 181 ซม.


น้ำหนัก 76 กก.


ตำแหน่ง กองกลาง


สโมสรปัจจุบัน ลิเวอร์พูล


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 17


เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ เขาเป็นนักเตะสัญชาติสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันเขาให้เล่นให้กับสโมสรซานโฮเซในศึกลูกหนัง เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์สหรัฐอเมริกา และทีมชาติ สหรัฐอเมริกา และเขาก็ยังเป็นกองหน้าที่สามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีกได้ 2 ซีซั่น นั่นก็คือฤดูกาลที่ 2010 และ 2012 และนี่เองที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ วอนโดลอฟสกี้ เขาเคยลงเล่นให้กับทีมไฮสคูลซ็อคเกอร์ที่ เดอ ลา ซาล ไฮสคูล ของเมือง คอนคอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยผลงานที่เขาสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2000 - 2001 นั่นก็ทำให้เขาได้รับรางวัล "ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี" เมื่อปี ค.ศ. 2011จากการโหวตของสื่อท้องถิ่น หลังจากที่เขาได้เรียนจบจากไฮสคูล เขาก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ชิคาโก้ สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ และเขาสามารถพังประตูไปได้ทั้งหมด 39 ลูก จากการลงสนามทั้งหมด 84 แมตช์ และได้พาทีม "ชิคาโก้ร้คส์" พนันบอลออนไลน์  เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดในปี ค.ศ. 2004 จากการที่เขาสามารถถลุงประตูไปคนเดียว 17 ประตู เมื่อฤดูกาลที่ 2005 วอนโดลอฟสกี้ ได้เลือกใส่หมายเลข 41 ในการดราฟท์ของปี 2005 และก็เป็นทางด้านของ ซานโฮเซ เอิร์ธเควกส์ ที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทัพได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าดาวยิงรายนี้จะสามารถลงเล่นให้กับทีมต้นสังกัดได้เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น แต่ทว่าในทีมชุดสำรองเขาสามารถยิงได้ถึง 8 ประตูจากการลงเล่น 12 นัด เมื่อฤดูกาลที่ 2006 - 2009 เขาได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพกับสโมสร ฮุสตัน ไดนาโม เมื่อปี ค.ศ. 2006 และเขาได้ลงสนามให้กับทีมสำรองไป 11 นัด แต่เขาสามารถยิงไปได้ถึง 13 ลูกเลยทีเดียว และประตูแรกในลีกของเขาก็เกิดชึ้น ในนัดที่ทีมต้นสังกัดของเขาได้พบกับชิคาโก้ ไฟเออร์ ในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2006 โดยเขายิงประตูได้ในนาทีที่ 18 และทำให้ทีมชนะไปในนัดนั้น


เมื่อฤดูกาลที่ 2014 เขาได้ถลุงประตูในรายการ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ คัพ ในรอบรองชนะเลิศ โดยพบกับทีม ปาชูก้า แต่ทีมของเขาก็ต้องออกหักตกรอบไปในที่สุด ภายหลังจากนั้นต่อมาเขาก็สามารถยิงประตูแรกได้ในรายการ ยูเอส โอเพ่น คัพ โดยในเกมนั้นทีมเขาได้เอาชนะ เอฟซี ดัลลัส ไปด้วยสกอร์ 3 - 0 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในปีเดียวกันนั่นเอง ในซีซั่นที่ 2008 เขายังคงได้รับโอกาศในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง อยู่ในทีมสำรองและยังได้ลงกับทีมใหญ่ในรายการต่างๆ และเขายังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีม ในนัดที่พ่ายให้กับ ชาร์เลสตัน แบทเตอรี่ พนันบอลออนไลน์  ในรายการแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น คัพ และเขาก็ได้สร้างความน่าทึ่ง ด้วยการที่เขาเหมายิงคนเดียวไป 4 ประตู ในเกมการแข่งขันกับทีม นิวยอร์ค เร้ดบลูล์ส เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 และนั่นยังเป็นประตูที่ 7,000 ของประวัติศาสตร์ เมเจอร์ ซ็อคเกอร์ ลีก อีกต่างหาก และหลังจากนั้น วอนโดลอฟสกี้ เขาก็ได้ถูกส่งตัวมาให้กับทีม ซานโฮเซ ได้ใช้งานด้วยสัญญาการแลกตัวกับทาง แคม วีเวอร์ เมื่อเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2009 และจากการย้ายตัวในครั้งนี้เขาได้มีโอกาศลงเล่นให้กับทีมสโมสรใหม่มากขึ้น โดยเขาได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ไป 14 แมตช์ และสามารถทำประตูไปได้ 3 ประตู ให้กับทีมซานโฮเซ และในปี ค.ศ. 2010 เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ด้สยการที่เขายิงไปทั้งหมด 18 ประตู จากการลงเล่น 26 นัด ในศึกฟุตบอล เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ และได้พาทีมต้นสังกัดผ่านเข้าสู่รอบ เพลย์ออฟ โดยทั้ง 18 ลูก ที่เขาสามารถยิงได้นั้นทำให้เขาได้กลายเป็น ดาวยิงสูงสุดของลึกในฤดูกาลนั้นอีกด้วย และยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำติดมือกลับบ้านไป นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่สามารถซัดประตูชัยในนัดเพลย์ออฟ ทำให้ทีมต้นสังกัดเอาชนะสโมสร นิวยอร์ค 3 - 2



มิดฟิลด์ดาวรุ่ง โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ เขาเป็นนักเตะสัญชาติสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันเขาให้เล่นให้กับสโมสร ซานโฮเซ ในศึกลูกหนัง เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา และทีมชาติ สหรัฐอเมริกา และเขาก็ยังเป็นกองหน้าที่สามารถคว้ารางวัลดาวซัลโวสูงสุดของลีกได้ 2 ซีซั่น นั่นก็คือฤดูกาลที่ 2010 และ 2012 และนี่เองที่ทำให้เขากลายเป็นนักเตะระดับแนวหน้าของ เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ วอนโดลอฟสกี้ เขาเคยลงเล่นให้กับทีมไฮสคูลซ็อคเกอร์ที่ เดอ ลา ซาล ไฮสคูล ของเมือง คอนคอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยผลงานที่เขาสามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาล 2000 - 2001 นั่นก็ทำให้เขาได้รับรางวัล "ผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี" พนันบอลออนไลน์  เมื่อปี ค.ศ. 2011จากการโหวตของสื่อท้องถิ่น หลังจากที่เขาได้เรียนจบจากไฮสคูล เขาก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ชิคาโก้ สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ และเขาสามารถพังประตูไปได้ทั้งหมด 39 ลูก จากการลงสนามทั้งหมด 84 แมตช์ และได้พาทีม "ชิคาโก้ร้คส์" เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดในปี ค.ศ. 2004 จากการที่เขาสามารถถลุงประตูไปคนเดียว 17 ประตู เมื่อฤดูกาลที่ 2005 วอนโดลอฟสกี้ ได้เลือกใส่หมายเลข 41 ในการดราฟท์ของปี 2005 และก็เป็นทางด้านของ ซานโฮเซ เอิร์ธเควกส์ ที่สามารถคว้าตัวเขาไปร่วมทัพได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าดาวยิงรายนี้จะสามารถลงเล่นให้กับทีมต้นสังกัดได้เพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น แต่ทว่าในทีมชุดสำรองเขาสามารถยิงได้ถึง 8 ประตูจากการลงเล่น 12 นัด เมื่อฤดูกาลที่ 2006 - 2009 เขาได้ตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพกับสโมสร ฮุสตัน ไดนาโม เมื่อปี ค.ศ. 2006 และเขาได้ลงสนามให้กับทีมสำรองไป 11 นัด แต่เขาสามารถยิงไปได้ถึง 13 ลูกเลยทีเดียว และประตูแรกในลีกของเขาก็เกิดชึ้น ในนัดที่ทีมต้นสังกัดของเขาได้พบกับชิคาโก้ ไฟเออร์ ในวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 2006 โดยเขายิงประตูได้ในนาทีที่ 18 และทำให้ทีมชนะไปในนัดนั้น พนันบอลออนไลน์ 


เฟียร์มิโน่ เขาได้ถลุงประตูในรายการ คอนคาเคฟ แชมเปี้ยนส์ คัพ ในรอบรองชนะเลิศ โดยพบกับทีม ปาชูก้า แต่ทีมของเขาก็ต้องออกหักตกรอบไปในที่สุด ภายหลังจากนั้นต่อมาเขาก็สามารถยิงประตูแรกได้ในรายการ ยูเอส โอเพ่น คัพ โดยในเกมนั้นทีมเขาได้เอาชนะ เอฟซี ดัลลัส ไปด้วยสกอร์ 3 - 0 พนันบอลออนไลน์ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ในปีเดียวกันนั่นเอง ในซีซั่นที่ 2008 เขายังคงได้รับโอกาศในการลงสนามอย่างต่อเนื่อง อยู่ในทีมสำรองและยังได้ลงกับทีมใหญ่ในรายการต่างๆ และเขายังคงได้รับความไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีม ในนัดที่พ่ายให้กับ ชาร์เลสตัน แบทเตอรี่ ในรายการแข่งขัน ยูเอส โอเพ่น คัพ และเขาก็ได้สร้างความน่าทึ่ง ด้วยการที่เขาเหมายิงคนเดียวไป 4 ประตู ในเกมการแข่งขันกับทีม นิวยอร์ค เร้ดบลูล์ส เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 และนั่นยังเป็นประตูที่ 7,000 ของประวัติศาสตร์ เมเจอร์ ซ็อคเกอร์ ลีก อีกต่างหาก และหลังจากนั้น วอนโดลอฟสกี้ เขาก็ได้ถูกส่งตัวมาให้กับทีม ซานโฮเซ ได้ใช้งานด้วยสัญญาการแลกตัวกับทาง แคม วีเวอร์ เมื่อเดือน มิถุนายน ค.ศ. 2009  และจากการย้ายตัวในครั้งนี้เขาได้มีโอกาศลงเล่นให้กับทีมสโมสรใหม่มากขึ้น พนันบอลออนไลน์  โดยเขาได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ไป 14 แมตช์ และสามารถทำประตูไปได้ 3 ประตู ให้กับทีมซานโฮเซ และในปี ค.ศ. 2010 เขาสามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น ด้สยการที่เขายิงไปทั้งหมด 18 ประตู จากการลงเล่น 26 นัด ในศึกฟุตบอล เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ และได้พาทีมต้นสังกัดผ่านเข้าสู่รอบ เพลย์ออฟ โดยทั้ง 18 ลูก ที่เขาสามารถยิงได้นั้นทำให้เขาได้กลายเป็น ดาวยิงสูงสุดของลึกในฤดูกาลนั้นอีกด้วย และยังคว้ารางวัลรองเท้าทองคำติดมือกลับบ้านไป นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่สามารถซัดประตูชัยในนัดเพลย์ออฟ























พนันบอลออนไลน์ 

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ โอเว่น ฮากรีฟ

ประวัติของ โอเว่น ฮากรีฟ








พนันบอลออนไลน์







ข้อมูลผู้เล่น


ชื่อเต็ม โอเว่น ลี ฮากรีฟ


เกิดเมื่อ 20 มกราคม ค.ศ. 1981 (อายุ 34 ปี)


เกิดที่ เมือง คัลการี่ อัลเบอร์ต้า ประเทศ แคนาดา


สัญชาติ อังกฤษ


ส่วนสูง 180 ซม.


น้ำหนัก 84 กก.


ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรับ


ลงเล่น 12 นัด


 ยิงประตู 1 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


เคยเล่นให้กับทีม สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ค่าเหนื่อย 45,000 ปอนด์/สัปดาห์


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 4







พนันบอลออนไลน์





ประวัติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


โอเว่น ฮากรีฟ เขาได้เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1981 และได้เติบโตขึ้นมาในเมือง เอดินเบิร์ก ประเทศ สก็อตแลนด์ และเขาก็ได้เข้ามาเป็นนักฟุตบอลฝึกหัด ของทีม"ปีศาจแดง"อย่างเป็นทางการเมื่อเดือน กรกฏาคม ค.ศ. 2000 ในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยเริ่มฝึกซ้อมไปกับทีมเรื่อยๆ เนื่องจากอาการบาดเจ็บในช่วงแรกของเขา ทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาฝีเท้าของตัวเขา ในตลอดช่วง 3 ปีแรกที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาได้โอกาศลงเล่นให้กับทีมนัดแรกเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งในนัดนั้นทีมไกด้เจอกับสโมสร บาเซิ่ล โดยในนัดนั้นเขายังไม่ค่อยได้โดดเด่นอะไรมากนัก และก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนซักเท่าไหร่ แต่ทว่าในซีซั่นถัดมาถือว่าเป็นปีที่เขาเปิดตัวอย่างเต็มที่ และในปีนั้นก็ทำให้แฟนบอลได้รู้จักเขามากขึ้น ด้วยการที่เขาลงเล่นให้กับทีมเป็นจำนวน 35 แมตช์ ด้วยการที่เขาเติบโตและฝีเท้าที่ค่ยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้ทุกคนเห็นถึงศักภาพของเขา ในเกมที่เขาลงเล่นในการจัดแผน 4 - 3 - 3 ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นตัวสำคัญของทีม รอย คีน และเขาเองก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเจ้าของปลอกแขนของทีมไว้ให้มากที่สุด จนมาถึงในปัจจุบันนี้ เฟล็ตเชอร์ เขาเปรียบเสมือนดวงไฟที่สำคัญของทีมชาติ สก็อตแลนด์ เขาสามารถยิงประตูให้ทีมชาติได้ในนัดที่พบกับ ลิธัวเนีย และด้วยชัยชนะในแมตช์ก็สามารถช่วยให้ทีมชาติของเขา ได้เข้าไปเตะในรอบ เพลย์ออฟ รายการ ยูโร 2004 และตัวเขาในวัย 20 ปี ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมชาติ สก็อตแลนด์









พนันบอลออนไลน์






เมื่อฤดูกาลที่ 2004 - 2005 โอเว่น ฮากรีฟ เขาก็สามารถพังประตูแรกของตัวเอง ให้กับทางทีมต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยในนัดนั้นทีมสามารถเอามิดเดิ้ลสโบรซ์ 2 - 0 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2005 หลังจากนั้นต่อมาเขาก็ได้มีความสำคัญกับทีมมากขึ้น และก็เป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งในแผนการเล่นของยอดกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้ในนัดชิงชนะเลิศรายการ เอฟเอ คัพ ซึ่งพบกับทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เขาก็ยังมีชื่ออยู่ในทีมอีกด้วย เฟล็ตเชอร์ เขาเป็นคนที่ทำประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดมี่พวกเขาสามารถเอาชนะ ทีมเชลซีได้ในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 จากลูกโหม่งที่สวยงามของเขา และนั่นก็ถือเป็นนัดที่หยุดสถิติไม่แพ้ใครมา 40 นัดของทีมเชลซีอีกด้วย แต่ทว่าแล้วประตูนั้นก็เป็นเพียงแค่ประตูที่ 4 ของเขาในการเล่นให้กับทีม "ปีศาจแดง" หากเขายังพัฒนาฝีเท้า และพละกำลังต่อไปเราเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นกำลังหลักในอนาคตของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลยทีเดียว












พนันบอลออนไลน์










โอเว่น ฮากรีฟ  เขาได้เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1981  และได้เติบโตขึ้นมาในเมือง เอดินเบิร์ก ประเทศ สก็อตแลนด์ และเขาก็ได้เข้ามาเป็นนักฟุตบอลฝึกหัด ของทีม"ปีศาจแดง"อย่างเป็นทางการเมื่อเดือน กรกฏาคม ค.ศ. 2000 ในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยเริ่มฝึกซ้อมไปกับทีมเรื่อยๆ เนื่องจากอาการบาดเจ็บในช่วงแรกของเขา ทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาฝีเท้าของตัวเขา ในตลอดช่วง 3 ปีแรกที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาได้โอกาศลงเล่นให้กับทีมนัดแรกเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งในนัดนั้นทีมไกด้เจอกับสโมสร บาเซิ่ล โดยในนัดนั้นเขายังไม่ค่อยได้โดดเด่นอะไรมากนัก และก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนซักเท่าไหร่ แต่ทว่าในซีซั่นถัดมาถือว่าเป็นปีที่เขาเปิดตัวอย่างเต็มที่ และในปีนั้นก็ทำให้แฟนบอลได้รู้จักเขามากขึ้น ด้วยการที่เขาลงเล่นให้กับทีมเป็นจำนวน 35 แมตช์ ด้วยการที่เขาเติบโตและฝีเท้าที่ค่ยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้ทุกคนเห็นถึงศักภาพของเขา ในเกมที่เขาลงเล่นในการจัดแผน 4 - 3 - 3 ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นตัวสำคัญของทีม รอย คีน และเขาเองก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเจ้าของปลอกแขนของทีมไว้ให้มากที่สุด จนมาถึงในปัจจุบันนี้ เฟล็ตเชอร์ เขาเปรียบเสมือนดวงไฟที่สำคัญของทีมชาติ สก็อตแลนด์ เขาสามารถยิงประตูให้ทีมชาติได้ในนัดที่พบกับ ลิธัวเนีย และด้วยชัยชนะในแมตช์ก็สามารถช่วยให้ทีมชาติของเขา ได้เข้าไปเตะในรอบ เพลย์ออฟ รายการ ยูโร 2004 และตัวเขาในวัย 20 ปี ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมชาติ สก็อตแลนด์ ที่มาอายุน้อยที่สุด








พนันบอลออนไลน์







โอเว่น ฮากรีฟ เขาก็สามารถพังประตูแรกของตัวเอง ให้กับทางทีมต้นสังกัดอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยในนัดนั้นทีมสามารถเอามิดเดิ้ลสโบรซ์ 2 - 0 เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2005 หลังจากนั้นต่อมาเขาก็ได้มีความสำคัญกับทีมมากขึ้น และก็เป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งในแผนการเล่นของยอดกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้ในนัดชิงชนะเลิศรายการ เอฟเอ คัพ ซึ่งพบกับทีม "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล เขาก็ยังมีชื่ออยู่ในทีมอีกด้วย เฟล็ตเชอร์ เขาเป็นคนที่ทำประตูชัยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในนัดมี่พวกเขาสามารถเอาชนะ ทีมเชลซีได้ในเดือน พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 จากลูกโหม่งที่สวยงามของเขา และนั่นก็ถือเป็นนัดที่หยุดสถิติไม่แพ้ใครมา 40 นัดของทีมเชลซีอีกด้วย แต่ทว่าแล้วประตูนั้นก็เป็นเพียงแค่ประตูที่ 4 ของเขาในการเล่นให้กับทีม "ปีศาจแดง" หากเขายังพัฒนาฝีเท้า และพละกำลังต่อไปเราเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นกำลังหลักในอนาคตของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลยทีเดียว และเขาก็ได้เข้ามาเป็นนักฟุตบอลฝึกหัด ของทีม"ปีศาจแดง"อย่างเป็นทางการเมื่อเดือน กรกฏาคม ค.ศ. 2000 ในตอนนั้นเขามีอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น โดยเริ่มฝึกซ้อมไปกับทีมเรื่อยๆ เนื่องจากอาการบาดเจ็บในช่วงแรกของเขา ทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาฝีเท้าของตัวเขา ในตลอดช่วง 3 ปีแรกที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาได้โอกาศลงเล่นให้กับทีมนัดแรกเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งในนัดนั้นทีมไกด้เจอกับสโมสร บาเซิ่ล โดยในนัดนั้นเขายังไม่ค่อยได้โดดเด่นอะไรมากนัก และก็ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนซักเท่าไหร่ แต่ทว่าในซีซั่นถัดมาถือว่าเป็นปีที่เขาเปิดตัวอย่างเต็มที่ และในปีนั้นก็ทำให้แฟนบอลได้รู้จักเขามากขึ้น ด้วยการที่เขาลงเล่นให้กับทีมเป็นจำนวน 35 แมตช์ ด้วยการที่เขาเติบโตและฝีเท้าที่ค่ยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้ทุกคนเห็นถึงศักภาพของเขา ในเกมที่เขาลงเล่นในการจัดแผน 4 - 3 - 3 ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นตัวสำคัญของทีม รอย คีน และเขาเองก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเจ้าของปลอกแขนของทีมไว้ให้มากที่สุด จนมาถึงในปัจจุบันนี้ เฟล็ตเชอร์ เขาเปรียบเสมือนดวงไฟที่สำคัญของทีมชาติ สก็อตแลนด์ เขาสามารถยิงประตูให้ทีมชาติได้ในนัดที่พบกับ ลิธัวเนีย และด้วยชัยชนะในแมตช์ก็สามารถช่วยให้ทีมชาติของเขา ได้เข้าไปเตะในรอบ เพลย์ออฟ รายการ ยูโร 2004 และตัวเขาในวัย 20 ปี ก็ได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมชาติ








พนันบอลออนไลน์








ยอดมิดฟิลด์ของทีม "ปีศาจแดง" วัย 26 ปี แน่ใจว่าจะสามารถคว้าแชมป์ได้เนื่องจากทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีประสบการณ์สูงและเขาได้บอกอีกว่า แชมป์พรีเมียร์ ลีกอยู่ในมือเราแล้ว ถ้าเราสามารถคว้าชัยชนะได้ทั้งหมดในอีกนัดที่เหลือ และผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะสามารถทำมันได้ เรามีนักเตะประสบการณ์สูงอยูในทีมอย่าง แกรี่ิ เนวิลด์ , พอล สโคลส์ , ไรอัน กิ๊กส์ และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ และนี่แหละคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยพวกเราได้ ในสถานการณ์แบบนี้พวกเขาจะเตือนคุณ และจะทำในสิ่งที่ถูกต้องในแต่ละสถานการณ์ ซึ่งแฟนบอลหลายๆคนก็อาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว และด้วยการที่ทีมมีความมุ่งมั่นที่จะสามารถคว้าแชมป์เหนือทีมคู่ปรับอย่าง ลิเวอร์พูล นั่นจะเป็นแรงผลักดันอย่างดีที่จะทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ แต่ทว่าในซีซั่นถัดมาถือว่าเป็นปีที่เขาเปิดตัวอย่างเต็มที่ และในปีนั้นก็ทำให้แฟนบอลได้รู้จักเขามากขึ้น ด้วยการที่เขาลงเล่นให้กับทีมเป็นจำนวน 35 แมตช์ ด้วยการที่เขาเติบโตและฝีเท้าที่ค่ยพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้ทุกคนเห็นถึงศักภาพของเขา ในเกมที่เขาลงเล่นในการจัดแผน 4 - 3 - 3 ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นตัวสำคัญของทีม รอย คีน และเขาเองก็พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเจ้าของปลอกแขนของทีมไว้ให้มากที่สุด จนมาถึงในปัจจุบันนี้ เฟล็ตเชอร์ เขาเปรียบเสมือนดวงไฟที่สำคัญของทีมชาติ สก็อตแลนด์ เขาสามารถยิงประตูให้ทีมชาติได้ในนัดที่พบกับ ลิธัวเนีย





















พนันบอลออนไลน์

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ มิเกล ซิลแวสต์

ประวัติของ มิเกล ซิลแวสต์












พนันบอลออนไลน์







ข้อมูลนักเตะ


ชื่อจริง มิคาเอล ซิลแวสต์


วันเกิด 9 สิงหาคม ค.ศ. 1977  (อายุ 38 ปี)


เกิดที่ เมือง แซมเบรย์ เลส ทัวร์ส ประเทศ ฝรั่งเศส


สัญชาติ ฝรั่งเศส


ส่วนสูง 184 ซม.


น้ำหนัก 86 กก.


ตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก


ลงเล่น 159 นัด


ยิงประตู 13 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าซ้าย


เคยเล่นให้กับทีม สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


ย้ายร่วมทีม 10 กันยายน ค.ศ. 1999


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 27





พนันบอลออนไลน์







ประวัติการค้าแข้ง


มิเกล ซิลแวสตร์ เขาได้เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลยุโรปเมื่อเขาอายุได้ 20 ปี โดยการที่เขาได้ย้ายมาจาก นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ไปเล่นให้กับสโมสร เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปนเมื่อปี ค.ศ. 1997 และด้วยการที่เขาต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ก็ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนในประเทศรู้จักเขามากนัก แต่หลังจากที่เขามีรายชื่อติดในทีมชาติชุดเล็ก และได้ลงเล่นให้กับทีมเป็นนัดที่ 5 โดยในนัดนั้นพบกับทีม เอกวาดอร์ ก็ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่คน ไฮน์เซ เขาต้องจากอาร์เจนติน่าหลังจากที่เขาได้เล่นให้กับทีม นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ได้เพียง 8 นัดเท่านั้น และเขาก็ต้องมาเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปน และก็มีคนมากมายกล่าวถึงว่าไม่ค่อยรู้จักเขาในประเทศนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจในอาชีพของผมแล้ว เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่เขายังเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในประเทศฝรั่งเศสเขามีชื่อเสียงในด้านที่เขาเป็นนักเตะฮาร์ทแมนคนหนึ่ง จากการที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของแฟนบอลฝรั่งเศส ว่ากองหลังคนไหนที่พวกเขาคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดในสายตา และก็เป็น กาเบรียล ไฮน์เซ ที่สามารถคว้าตำแหน่งนี้โดยที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการที่พ่อของเขาเป็นคนประเทศ เยอรมัน และแม่ของเขาเป็นชาว อิตาเลี่ยน เมื่อปี ค.ศ. 1998 เขาได้ย้ายไปร่วมทัพกับทีมดังในโปรตุเกส นั่นก็คือสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยสัญญาแบบยืมตัว และหลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายกลับไปเล่นในประเทศสเปน เป็นเวลาอีก 2 ซีซั่น ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับทีมดังในฝรั่งเศส อย่างสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อปี ค.ศ. 2001 และเขาก็ได้สร้างความประทับใจในตลอดสองฤดูกาลระหว่างซีซั่นที่ 2003 - 2004 เขาก็ได้คว้าแชมป์กับทีมต้นสังกัดได้ และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2004 เขาก็ได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพกับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยการเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ แต่ทว่าแฟนบอลของทีมปีศาจแดงก็ต้องรอเป็นเวลาราวๆ 3 เดือน กว่าที่จะได้ชมฝีเท้าของเขา เนื่องจากในตอนนั้นเขาได้ติดธุระต้องไปรับใช้ทีมชาติ ในรายการแข่งขันฟุตบอล โคปา อเมริกา






พนันบอลออนไลน์






นักเตะสารพัดตำแหน่ง มิเกล ซิลแวสตร์ เขาได้เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลยุโรปเมื่อเขาอายุได้ 20 ปี โดยการที่เขาได้ย้ายมาจาก นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ไปเล่นให้กับสโมสร เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปนเมื่อปี ค.ศ. 1997 และด้วยการที่เขาต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ก็ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนในประเทศรู้จักเขามากนัก แต่หลังจากที่เขามีรายชื่อติดในทีมชาติชุดเล็ก และได้ลงเล่นให้กับทีมเป็นนัดที่ 5 โดยในนัดนั้นพบกับทีม เอกวาดอร์ ก็ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่คน ไฮน์เซ เขาต้องจากอาร์เจนติน่าหลังจากที่เขาได้เล่นให้กับทีม นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ได้เพียง 8 นัดเท่านั้น และเขาก็ต้องมาเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปน และก็มีคนมากมายกล่าวถึงว่าไม่ค่อยรู้จักเขาในประเทศนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจในอาชีพของผมแล้ว เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่เขายังเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในประเทศฝรั่งเศสเขามีชื่อเสียงในด้านที่เขาเป็นนักเตะฮาร์ทแมนคนหนึ่ง จากการที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของแฟนบอลฝรั่งเศส ว่ากองหลังคนไหนที่พวกเขาคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดในสายตา และก็เป็น กาเบรียล ไฮน์เซ ที่สามารถคว้าตำแหน่งนี้โดยที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการที่พ่อของเขาเป็นคนประเทศ เยอรมัน และแม่ของเขาเป็นชาว อิตาเลี่ยน เมื่อปี ค.ศ. 1998 เขาได้ย้ายไปร่วมทัพกับทีมดังในโปรตุเกส นั่นก็คือสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยสัญญาแบบยืมตัว และหลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายกลับไปเล่นในประเทศสเปน เป็นเวลาอีก 2 ซีซั่น ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับทีมดังในฝรั่งเศส อย่างสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อปี ค.ศ. 2001 และเขาก็ได้สร้างความประทับใจในตลอดสองฤดูกาลระหว่างซีซั่นที่ 2003 - 2004 เขาก็ได้คว้าแชมป์กับทีมต้นสังกัดได้ และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2004 เขาก็ได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพกับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยการเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ แต่ทว่าแฟนบอลของทีมปีศาจแดงก็ต้องรอเป็นเวลาราวๆ 3 เดือน กว่าที่จะได้ชมฝีเท้าของเขา เนื่องจากในตอนนั้นเขาได้ติดธุระต้องไปรับใช้ทีมชาติ ในรายการแข่งขันฟุตบอล โคปา อเมริกา พนันบอลออนไลน์









พนันบอลออนไลน์









มิเกล ซิลแวสตร์ เขาได้เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลยุโรปเมื่อเขาอายุได้ 20 ปี โดยการที่เขาได้ย้ายมาจาก นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ไปเล่นให้กับสโมสร เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปนเมื่อปี ค.ศ. 1997 และด้วยการที่เขาต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ก็ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนในประเทศรู้จักเขามากนัก แต่หลังจากที่เขามีรายชื่อติดในทีมชาติชุดเล็ก และได้ลงเล่นให้กับทีมเป็นนัดที่ 5 โดยในนัดนั้นพบกับทีม เอกวาดอร์ ก็ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่คน ไฮน์เซ เขาต้องจากอาร์เจนติน่าหลังจากที่เขาได้เล่นให้กับทีม นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ได้เพียง 8 นัดเท่านั้น และเขาก็ต้องมาเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปน และก็มีคนมากมายกล่าวถึงว่าไม่ค่อยรู้จักเขาในประเทศนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจในอาชีพของผมแล้ว เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่เขายังเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในประเทศฝรั่งเศสเขามีชื่อเสียงในด้านที่เขาเป็นนักเตะฮาร์ทแมนคนหนึ่ง จากการที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของแฟนบอลฝรั่งเศส ว่ากองหลังคนไหนที่พวกเขาคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดในสายตา และก็เป็น กาเบรียล ไฮน์เซ ที่สามารถคว้าตำแหน่งนี้โดยที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการที่พ่อของเขาเป็นคนประเทศ เยอรมัน และแม่ของเขาเป็นชาว อิตาเลี่ยน เมื่อปี ค.ศ. 1998 เขาได้ย้ายไปร่วมทัพกับทีมดังในโปรตุเกส นั่นก็คือสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยสัญญาแบบยืมตัว และหลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายกลับไปเล่นในประเทศสเปน เป็นเวลาอีก 2 ซีซั่น ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับทีมดังในฝรั่งเศส อย่างสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อปี ค.ศ. 2001 และเขาก็ได้สร้างความประทับใจในตลอดสองฤดูกาลระหว่างซีซั่นที่ 2003 - 2004 เขาก็ได้คว้าแชมป์กับทีมต้นสังกัดได้ และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2004 เขาก็ได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพกับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยการเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ แต่ทว่าแฟนบอลของทีมปีศาจแดงก็ต้องรอเป็นเวลาราวๆ 3 เดือน กว่าที่จะได้ชมฝีเท้าของเขา เนื่องจากในตอนนั้นเขาได้ติดธุระต้องไปรับใช้ทีมชาติ ในรายการแข่งขันฟุตบอล โคปา อเมริกา












พนันบอลออนไลน์











นักเตะมากประสบการณ์ มิเกล ซิลแวสตร์ เขาได้เริ่มเข้าสู่วงการฟุตบอลยุโรปเมื่อเขาอายุได้ 20 ปี โดยการที่เขาได้ย้ายมาจาก นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ไปเล่นให้กับสโมสร เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปนเมื่อปี ค.ศ. 1997 และด้วยการที่เขาต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ก็ทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนในประเทศรู้จักเขามากนัก แต่หลังจากที่เขามีรายชื่อติดในทีมชาติชุดเล็ก และได้ลงเล่นให้กับทีมเป็นนัดที่ 5 โดยในนัดนั้นพบกับทีม เอกวาดอร์ ก็ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหมู่คน ไฮน์เซ เขาต้องจากอาร์เจนติน่าหลังจากที่เขาได้เล่นให้กับทีม นีเวลล์ส โอลด์ บอยส์ ได้เพียง 8 นัดเท่านั้น และเขาก็ต้องมาเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในลีกสเปน และก็มีคนมากมายกล่าวถึงว่าไม่ค่อยรู้จักเขาในประเทศนั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจในอาชีพของผมแล้ว เขาได้ให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่เขายังเล่นให้กับทีม เรอัล บายาโดริด ในประเทศฝรั่งเศสเขามีชื่อเสียงในด้านที่เขาเป็นนักเตะฮาร์ทแมนคนหนึ่ง จากการที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของแฟนบอลฝรั่งเศส ว่ากองหลังคนไหนที่พวกเขาคิดว่าแข็งแกร่งที่สุดในสายตา และก็เป็น กาเบรียล ไฮน์เซ ที่สามารถคว้าตำแหน่งนี้โดยที่ไม่มีใครเทียบได้ ด้วยการที่พ่อของเขาเป็นคนประเทศ เยอรมัน และแม่ของเขาเป็นชาว อิตาเลี่ยน เมื่อปี ค.ศ. 1998 เขาได้ย้ายไปร่วมทัพกับทีมดังในโปรตุเกส นั่นก็คือสโมสร สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วยสัญญาแบบยืมตัว และหลังจากนั้นเขาก็ได้ย้ายกลับไปเล่นในประเทศสเปน เป็นเวลาอีก 2 ซีซั่น ก่อนที่เขาจะย้ายไปเล่นให้กับทีมดังในฝรั่งเศส อย่างสโมสร ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อปี ค.ศ. 2001 และเขาก็ได้สร้างความประทับใจในตลอดสองฤดูกาลระหว่างซีซั่นที่ 2003 - 2004 เขาก็ได้คว้าแชมป์กับทีมต้นสังกัดได้ และเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2004 เขาก็ได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพกับทีม "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยการเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 5 ปี ด้วยค่าตัว 6.9 ล้านปอนด์ แต่ทว่าแฟนบอลของทีมปีศาจแดงก็ต้องรอเป็นเวลาราวๆ 3 เดือน กว่าที่จะได้ชมฝีเท้าของเขา เนื่องจากในตอนนั้นเขาได้ติดธุระต้องไปรับใช้ทีมชาติ ในรายการแข่งขันฟุตบอล โคปา อเมริกา


























พนันบอลออนไลน์

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ เฮนริก ลาร์สสัน

พนันบอลออนไลน์ 













ประวัติของ เฮนริก ลาร์สสัน







ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อเต็ม เฮนริก ลาร์สสัน


วันเกิด 20 กันยายน ค.ศ. 1971 (อายุ 43 ปี)



เกิดที่ เมือง เฮลซิงบอร์ก ประเทศ สวีเดน


สัญชาติ สวีเดน


ส่วนสูง 177 ซม.


น้ำหนัก 74 กก.


ลงเล่น 11 นัด


ยิงประตู 3 ประตู


ตำแหน่ง กองหน้า


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


เคยเล่นให้กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


เข้าร่วมทีม 1 มกราคม ค.ศ. 2007 (ยืมตัว)


ลงนัดแรก 27 มกราคม ค.ศ. 2007


เงินเดือน 1.5 ล้าน EUR


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 17





พนันบอลออนไลน์






ประวัติการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ


เฮนริก ลาร์สสัน เขาเริ่มหัดเตะฟุตบอลด้วยการไปฦึกซ้อมกับทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 10 ขวบ และเขาก็ได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้มีรายชื่อไปเตะให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และด้วยการที่เขาพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด จับเขามาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะมาชีพเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 1998 สมิธ เขาสามารถพังประตูแรกของตัวเองได้ในการลงสนามนัดแรก ซึ่งเป็นนัดที่พบกับทีม ลิเวอร์พูล ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1998 และนั่นมันทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญ ในการลงตำแหน่งศูนย์หน้าคู่กับ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลแบงค์ เพื่อที่จะลงไปช่วยกันล่าตาข่ายด้วยความหิวกระหาย และเร่งเกมรุกอย่างเต็มสูบให้กับทีม "นกยูงทอง" จากการเล่นที่รุนแรง และความเลือดร้อนของเขา ทำให้เขาถูกผู้ตัดสินไล่ออกจากสนามในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ 2000 - 2001 และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็สอนให้เขารู้ว่าเขาควรใจเย็นมากขึ้นกว่านี้ ภายหลังต่อมาเขาได้กลับมาเล่นให้กับทีมอีกครั้ง และเขาก็สามารถทำประตูไปได้ถึง 11 ลูก ให้กับสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่ 2001 - 2002 สมิธ เขาได้จับให้ลงไปเล่นในตำแหน่งกองกลางมากขึ้น เนื่องจากทีมต้นสังกัดได้เซ็นสัญญาซื้อกองหน้าตัวใหม่อย่าง ร็อบบี้ ฟาว์เลอร์ จากสโมสร ลิเวอร์พูลเข้ามาในทีม และนี่ก็ส่งผลให้โอกาศทำประตูของเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ อลัน สมิธ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกโยพบกับทีมชาติ เม็กซิโก ที่สนาม ไพรด์ พาร์ค เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 และเขาก็กลายเป็นตัวเลือกแรกภายใต้การคุมทีมของ สเวน โกรัน อิริคส์สัน ในตำแหน่งกองหน้าของทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ในรายการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 รอบคัดเลือก แต่ทว่าเขาไม่ได้มีรายชื่อติดทีม ไปทำศึกที่ประเทศญี่ปุ่นในรอบสุดท้าย








พนันบอลออนไลน์






เมื่อฤดูกาลที่ 2002 - 2003 ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีโอกาศติดทีมชาติในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เพื่อลงทำการแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร อายุไม่เกิน 21 ปี และในครั้งนี้เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งหัวหอกกองหน้า และตำแหน่งกองกลาง และเขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากที่ สวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าทีมชาติของเขาจะต้องอกหัก ไม่สามรถคว้าแชมป์มาครองได้ก็ตาม อลัน สมิธ เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในแมตช์อุ่นเครื่องระหว่าง อังกฤษ พบกับ โปรตุเกส และเขาก็สามารถถลุงประตูได้จากการแอสซิสของ ลี โบว์เยอร์ แต่ในนัดต่อมาที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ในรอบคัดเลือกฟุตบอล ยูโร 2004 เขาก็ต้องถูกไล่ออกในช่วงท้ายๆของเกม และจบการแข่งขันในแมตช์นั้นโดยเสมอกันไป 2 - 2 ที่สนาม เซนต์ แมรี่ จากการที่เขาได้ใบเหลืองไป 12 ใบ และอีก 3 ใบแดง ในซีซั่นนี้ของเขาก็ทำให้ผู้คนมากมายพูดถึงในเรื่องพฤติกรรมของตัวสมิธ และรวมไปถึงการล่าตาข่ายได้แค่ 3 ประตุของเขาใน พรีเมียร์ ลีก ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขาไม่สามารถสร้างความประทับใจให้ใครๆเลย จนกระทั่งมาถึงในฤดูกาลที่ 2003 - 2004 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเริ่มฤดูการมาได้ 21 นัด พร้อมกับใบเหลืองติดตัวมาทั้งหมด 9 ใบ แต่ทว่าฟอร์มการเล่นของเขาได้แพรวพราวขึ้นมาก และเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเขาอย่างเต็มที่ ในการที่จะพยายามช่วยทีมให้หนีจากการตกชั้น สมิธ เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้ง นับตั้งแต่จากนัดที่เขาโดนใบแดงในเกมที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ซึ่งเขาถูกเลือกในนัดที่ทีมชาติ อังกฤษ พบกับทีมชาติ เดนมาร์ก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ทว่าจากการที่เขาฟาดขวดน้ำใส่แฟนบอล ในเกมการแข่งขัน คาร์ลิ่ง คัพ ในนัดที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบกับทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในก่อนหน้านั้นทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษตกลงกันว่าไม่ให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในนัดดังกล่าว แต่ทางผู้จัดการทีม สเวน โกรัน อิริคส์สัน ยืนยันที่จะให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ต่อไปอย่างแน่นอน และได้เรียกตัวเขากลับมาอีกครั้งในนัดที่พบกับทีมชาติ โปรตุเกส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004  พนันบอลออนไลน์










พนันบอลออนไลน์












หัวหอกตัวเก๋า เฮนริก ลาร์สสัน เขาเริ่มหัดเตะฟุตบอลด้วยการไปฝึกซ้อมกับทีม ลีดส์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นเขามีอายุได้ 10 ขวบ และเขาก็ได้พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาได้มีรายชื่อไปเตะให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และด้วยการที่เขาพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด จับเขามาเซ็นสัญญาเป็นนักเตะมาชีพเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ. 1998 สมิธ เขาสามารถพังประตูแรกของตัวเองได้ในการลงสนามนัดแรก ซึ่งเป็นนัดที่พบกับทีม ลิเวอร์พูล ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1998 และนั่นมันทำให้เขากลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญ ในการลงตำแหน่งศูนย์หน้าคู่กับ จิมมี่ ฟรอยด์ ฮัสเซลแบงค์ เพื่อที่จะลงไปช่วยกันล่าตาข่ายด้วยความหิวกระหาย และเร่งเกมรุกอย่างเต็มสูบให้กับทีม "นกยูงทอง" จากการเล่นที่รุนแรง และความเลือดร้อนของเขา ทำให้เขาถูกผู้ตัดสินไล่ออกจากสนามในการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่ 2000 - 2001 และจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันก็สอนให้เขารู้ว่าเขาควรใจเย็นมากขึ้นกว่านี้ ภายหลังต่อมาเขาได้กลับมาเล่นให้กับทีมอีกครั้ง และเขาก็สามารถทำประตูไปได้ถึง 11 ลูก ให้กับสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นที่ 2001 - 2002 สมิธ เขาได้จับให้ลงไปเล่นในตำแหน่งกองกลางมากขึ้น เนื่องจากทีมต้นสังกัดได้เซ็นสัญญาซื้อกองหน้าตัวใหม่อย่าง ร็อบบี้ ฟาว์เลอร์ จากสโมสร ลิเวอร์พูลเข้ามาในทีม และนี่ก็ส่งผลให้โอกาศทำประตูของเขาลดน้อยลงเรื่อยๆ อลัน สมิธ เขาลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกโยพบกับทีมชาติ เม็กซิโก ที่สนาม ไพรด์ พาร์ค เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 และเขาก็กลายเป็นตัวเลือกแรกภายใต้การคุมทีมของ สเวน โกรัน อิริคส์สัน ในตำแหน่งกองหน้าของทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ในรายการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002 รอบคัดเลือก แต่ทว่าเขาไม่ได้มีรายชื่อติดทีม ไปทำศึกที่ประเทศญี่ปุ่นในรอบสุดท้าย











พนันบอลออนไลน์










เมื่อฤดูกาลที่ 2002 - 2003 ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ยังมีโอกาศติดทีมชาติในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เพื่อลงทำการแข่งขันในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร อายุไม่เกิน 21 ปี และในครั้งนี้เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งหัวหอกกองหน้า และตำแหน่งกองกลาง และเขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากที่ สวิตเซอร์แลนด์ ถึงแม้ว่าทีมชาติของเขาจะต้องอกหัก ไม่สามรถคว้าแชมป์มาครองได้ก็ตาม อลัน สมิธ เขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่อีกครั้งในแมตช์อุ่นเครื่องระหว่าง อังกฤษ พบกับ โปรตุเกส และเขาก็สามารถถลุงประตูได้จากการแอสซิสของ ลี โบว์เยอร์ แต่ในนัดต่อมาที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ในรอบคัดเลือกฟุตบอล ยูโร 2004 เขาก็ต้องถูกไล่ออกในช่วงท้ายๆของเกม และจบการแข่งขันในแมตช์นั้นโดยเสมอกันไป 2 - 2 ที่สนาม เซนต์ แมรี่ จากการที่เขาได้ใบเหลืองไป 12 ใบ และอีก 3 ใบแดง ในซีซั่นนี้ของเขาก็ทำให้ผู้คนมากมายพูดถึงในเรื่องพฤติกรรมของตัวสมิธ และรวมไปถึงการล่าตาข่ายได้แค่ 3 ประตุของเขาใน พรีเมียร์ ลีก ด้วยเหตุผลนี้เองที่เขาไม่สามารถสร้างความประทับใจให้ใครๆเลย จนกระทั่งมาถึงในฤดูกาลที่ 2003 - 2004 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเริ่มฤดูการมาได้ 21 นัด พร้อมกับใบเหลืองติดตัวมาทั้งหมด 9 ใบ แต่ทว่าฟอร์มการเล่นของเขาได้แพรวพราวขึ้นมาก และเขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของเขาอย่างเต็มที่ ในการที่จะพยายามช่วยทีมให้หนีจากการตกชั้น สมิธ เขาได้ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้ง นับตั้งแต่จากนัดที่เขาโดนใบแดงในเกมที่พบกับทีมชาติ มาซิโดเนีย ซึ่งเขาถูกเลือกในนัดที่ทีมชาติ อังกฤษ พบกับทีมชาติ เดนมาร์ก ที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ทว่าจากการที่เขาฟาดขวดน้ำใส่แฟนบอล ในเกมการแข่งขัน คาร์ลิ่ง คัพ ในนัดที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด พบกับทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ในก่อนหน้านั้นทำให้สมาคมฟุตบอลอังกฤษตกลงกันว่าไม่ให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ในนัดดังกล่าว แต่ทางผู้จัดการทีม สเวน โกรัน อิริคส์สัน ยืนยันที่จะให้เขาลงเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษ ต่อไปอย่างแน่นอน และได้เรียกตัวเขากลับมาอีกครั้งในนัดที่พบกับทีมชาติ โปรตุเกส เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004



























พนันบอลออนไลน์

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ แอนเดอร์สัน

ประวัติของ  แอนเดอร์สัน 













พนันบอลออนไลน์







ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อเต็ม แอนเดอร์สัน หลุยส์ เด เอเบียล โอริเวอิร่า


วันเกิด 13 เมษายน ค.ศ. 1988 (อายุ 27 ปี)


เกิดที่ เมือง ปอร์โต้ อัลเลเกร ประเทศ บราซิล


สัญชาติ บราซิล


ส่วนสูง 176 ซม.


น้ำหนัก 69 กก.


ตำแหน่ง มิดฟิลด์ และ กองกลาง


ลงเล่น 112 นัด


ยิงประตู 28 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าซ้าย


เคยเล่นให้กับทีม สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


เข้าร่วมทีม 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2007


ค่าเหนื่อย 60,000 ปอนด์/สัปดาห์


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 28




พนันบอลออนไลน์






ประวัติการค้าแข้ง


แอนเดอร์สัน  เขาเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดีมาก และได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เขาอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดเด่นของเขา ก็ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสบายๆไม่ยากเย็นนัก รวมไปถึงเขายังมีรายชื่อในทีมชาติอังกฤษ ในยุคการคุมทีมของนายหัวอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ด้วย อีกด้วย ทอม เขากำเนิดที่ เบซิงสโต้ค เมืองแฮมเชียร์ แต่ครอบครัวเขาก็ได้ย้ายไปที่ แบ็รดฟอร์ด เขาจึงได้เติบโตขึ้นที่นั่น และเขาก็ได้เข้าไปเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ แบร็ดฟอร์ด หลังจากนั้นต่อมาเขาก็ได้เข้าฝึกกับอคาเดมี่ของทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ตั้งแต่เขาอายุได้ 14 ปี และเขาก็ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2005 ด้วยพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลของเขา ทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2008 เขาก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในทีมสำรอง มาครองไว้ได้สำเร็จในซีซั่นนั้น โดยได้ร่วมกันกับ แซม ฮิวสัน และ ริชาร์ด เอ็กเคิร์สลี่ย์ หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกไปเก็บเกี่ยวกับสโมสรอื่นๆหลายทีม ในสัญญาแบบยืมตัวไม่ว่าจะเป็นสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูกาลที่ 2008 - 2009 และเขาสามารถทำประตูแรกของเขาเอง ให้กับทีม "จิ้งจอกสยาม" ในนัดที่ทีมสามารถเอาชนะ วอลล์ซอลล์ ไปด้วยสกอร์ 4 - 1 และในช่วงปิดฤดูการเขาก็ได้กลับมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กับทีมต้นสังกัดเช่นเดิม ต่อมาในเกมอุ่นเครื่อง ทอม เขาสามารถทำประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดที่พบกับ บาเลนเซีย เมื่อเดือน สิงหาคม ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกสโมสร วัตฟอร์ด ยืมตัวไปเล่นให้อีกในซีซั่นที่ 2009 - 2010 และได้กลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของทีม "แตนอาละวาด"











พนันบอลออนไลน์











มิดฟิลด์จอมอึด  แอนเดอร์สัน  เขาเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดีมาก และได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เขาอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดเด่นของเขา ก็ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสบายๆไม่ยากเย็นนัก รวมไปถึงเขายังมีรายชื่อในทีมชาติอังกฤษ ในยุคการคุมทีมของนายหัวอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ด้วย อีกด้วย ทอม เขากำเนิดที่ เบซิงสโต้ค เมืองแฮมเชียร์ แต่ครอบครัวเขาก็ได้ย้ายไปที่ แบ็รดฟอร์ด เขาจึงได้เติบโตขึ้นที่นั่น และเขาก็ได้เข้าไปเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ แบร็ดฟอร์ด หลังจากนั้นต่อมาเขาก็ได้เข้าฝึกกับอคาเดมี่ของทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ตั้งแต่เขาอายุได้ 14 ปี และเขาก็ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2005 ด้วยพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลของเขา ทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2008 เขาก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในทีมสำรอง มาครองไว้ได้สำเร็จในซีซั่นนั้น โดยได้ร่วมกันกับ แซม ฮิวสัน และ ริชาร์ด เอ็กเคิร์สลี่ย์ หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกไปเก็บเกี่ยวกับสโมสรอื่นๆหลายทีม ในสัญญาแบบยืมตัวไม่ว่าจะเป็นสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูกาลที่ 2008 - 2009 และเขาสามารถทำประตูแรกของเขาเอง ให้กับทีม "จิ้งจอกสยาม" ในนัดที่ทีมสามารถเอาชนะ วอลล์ซอลล์ ไปด้วยสกอร์ 4 - 1 และในช่วงปิดฤดูการเขาก็ได้กลับมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กับทีมต้นสังกัดเช่นเดิม ต่อมาในเกมอุ่นเครื่อง ทอม เขาสามารถทำประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดที่พบกับ บาเลนเซีย เมื่อเดือน สิงหาคม ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกสโมสร วัตฟอร์ด ยืมตัวไปเล่นให้อีกในซีซั่นที่ 2009 - 2010 และได้กลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของทีม "แตนอาละวาด" ในปีนี้ด้วย











พนันบอลออนไลน์










สุดยอดมิดฟิลด์ แอนเดอร์สัน  เขาเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ดีมาก และได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนที่เขาอยู่กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยฟอร์มการเล่นที่โดเด่นของเขา ก็ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสร "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แบบสบายๆไม่ยากเย็นนัก รวมไปถึงเขายังมีรายชื่อในทีมชาติอังกฤษ ในยุคการคุมทีมของนายหัวอย่าง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ด้วย อีกด้วย ทอม เขากำเนิดที่ เบซิงสโต้ค เมืองแฮมเชียร์ แต่ครอบครัวเขาก็ได้ย้ายไปที่ แบ็รดฟอร์ด เขาจึงได้เติบโตขึ้นที่นั่น และเขาก็ได้เข้าไปเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ แบร็ดฟอร์ด หลังจากนั้นต่อมาเขาก็ได้เข้าฝึกกับอคาเดมี่ของทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ตั้งแต่เขาอายุได้ 14 ปี และเขาก็ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2005 ด้วยพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลของเขา ทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2008 เขาก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในทีมสำรอง มาครองไว้ได้สำเร็จในซีซั่นนั้น โดยได้ร่วมกันกับ แซม ฮิวสัน และ ริชาร์ด เอ็กเคิร์สลี่ย์ หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกไปเก็บเกี่ยวกับสโมสรอื่นๆหลายทีม ในสัญญาแบบยืมตัวไม่ว่าจะเป็นสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูกาลที่ 2008 - 2009 และเขาสามารถทำประตูแรกของเขาเอง ให้กับทีม "จิ้งจอกสยาม" ในนัดที่ทีมสามารถเอาชนะ วอลล์ซอลล์ ไปด้วยสกอร์ 4 - 1 และในช่วงปิดฤดูการเขาก็ได้กลับมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กับทีมต้นสังกัดเช่นเดิม ต่อมาในเกมอุ่นเครื่อง ทอม เขาสามารถทำประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดที่พบกับ บาเลนเซีย เมื่อเดือน สิงหาคม ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกสโมสร วัตฟอร์ด ยืมตัวไปเล่นให้อีกในซีซั่นที่ 2009 - 2010 และได้กลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของทีม "แตนอาละวาด" ในปีนี้ด้วย








พนันบอลออนไลน์








แอนเดอร์สัน เขากำเนิดที่ บราซิล เมืองแฮมเชียร์ แต่ครอบครัวเขาก็ได้ย้ายไปที่ แบ็รดฟอร์ด เขาจึงได้เติบโตขึ้นที่นั่น และเขาก็ได้เข้าไปเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของ แบร็ดฟอร์ด หลังจากนั้นต่อมาเขาก็ได้เข้าฝึกกับอคาเดมี่ของทีม แมนเชสเตอร์ ยุไนเต็ด ตั้งแต่เขาอายุได้ 14 ปี และเขาก็ได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ค.ศ. 2005 ด้วยพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอลของเขา ทำให้เขาได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อฤดูกาลที่ 2007 - 2008 เขาก็สามารถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในทีมสำรอง มาครองไว้ได้สำเร็จในซีซั่นนั้น โดยได้ร่วมกันกับ แซม ฮิวสัน และ ริชาร์ด เอ็กเคิร์สลี่ย์ หลังจากนั้นเขาก็ได้ออกไปเก็บเกี่ยวกับสโมสรอื่นๆหลายทีม ในสัญญาแบบยืมตัวไม่ว่าจะเป็นสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูกาลที่ 2008 - 2009 และเขาสามารถทำประตูแรกของเขาเอง ให้กับทีม "จิ้งจอกสยาม" ในนัดที่ทีมสามารถเอาชนะ วอลล์ซอลล์ ไปด้วยสกอร์ 4 - 1 และในช่วงปิดฤดูการเขาก็ได้กลับมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ให้กับทีมต้นสังกัดเช่นเดิม ต่อมาในเกมอุ่นเครื่อง ทอม เขาสามารถทำประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดที่พบกับ บาเลนเซีย เมื่อเดือน สิงหาคม ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาก็ได้ถูกสโมสร วัตฟอร์ด ยืมตัวไปเล่นให้อีกในซีซั่นที่ 2009 - 2010 และได้กลายเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมของทีม "แตนอาละวาด" ในปีนี้ด้วย จากนั้นเขาก็ได้กลับมาเล่นให้กับทีม แมนยูฯ ไนเต็ด อีกครั้งในช่วงปรีซีซั่น พนันบอลออนไลน์




























พนันบอลออนไลน์

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประวัติของ แยน โมลบี้

ประวัติของ แยน โมลบี้













พนันบอลออนไลน์







ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อเต็ม แยน โมลบี้


เกิดวันที่ 4 กรกฏาคม ค.ศ. 1963 (อายุ 52 ปี)


สถานที่เกิด เมือง โคลดิ้ง ประเทศ เดนมาร์ก


สัญชาติ เดนมาร์ก


ส่วนสูง 185 ซม.


น้ำหนัก 85 กก.


ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรับ


ลงเล่น 292 นัด


ยิงประตู 61 ประตู


เท้าที่ถนัด เท้าขวา


เล่นให้กับทีม สโมสร ลิเวอร์พูล


ย้ายร่วมทีม 22 สิงหาคม ค.ศ. 1984


ลงนัดแรก 25 สิงหาคม ค.ศ. 1984


หมายเลขเสื้อ เบอร์ 14





พนันบอลออนไลน์





ประวัติและเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพ


แยน โมลบี้ เขาได้ตื่นมาลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 4 กรกฏาคม ค.ศ. 1963 และได้เติบโตขึ้นที่เมือง ฮวิโดฟ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เดนมาร์ก เขาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และในบางครั้งที่เขาจะถูกจับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ในปัจจุบันเขาได้เล่นให้กับสโมสร "หงษ์แดง" ลิเวอร์พูล โดยได้เลือกสวมเสื้อหมายเลย 5 พร้อมยังดำรงตำแหน่งรองกัปตันทีมของสโมสรอีกด้วย เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเมื่อปี ค.ศ. 1996 แอ็กเกอร์ เขาได้เข้าร่วมเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของสโมสร บรอนด์บี้ สโมสรชื่อดังในประเทศบ้านเกิดของเขา โดยที่เขาใช้เวลา 4 ปี เต็มๆ (1996 - 2004) กว่าที่เขาจะสามารถก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้ และหลังจากที่เขาได้ขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ขอ บรอนด์บี้ ได้แล้วนั้น แค่ไม่นานเขาไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่ลงสนามไปในฐานะ 11 ตัวจริง แต่เขาได้เป็นถึง "คีย์แมน" ในแผงเกมรับของทีมเลยต่างหาก และในฤดูกาลนั้นเองเขาได้พาทีมต้นสังกัดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ นั่นก็คือ เดนิช ซูปเปอร์ ลีก และ เดนิช คัพ เมื่อซีซั่นที่ 2004 - 2005 มาครองไดด้สำเร็จ ความกระหายอันร้อนแรงของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การที่เขาพาทีมคว้า 2 แชมป์นั้น เนื่องจากในเวลาต่อมาเขาได้ถูกเรียกให้ไปรับใช้ทีมชาติ เดนมาร์ก ชุดใหญ่ เขาเริ่มจากการนั่งเป็นตัวสำรองในแมตช์อุ่นเครื่องในนัดที่เอาชนะทีมชาติ ฟินแลนด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 1 - 0 เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม ค.ศ. 2005 และในแมตช์อุ่นเครื่องนัดต่อมาต้องไปเจองานแข็งอย่างทีมชาติ อังกฤษ และในนัดนั้นเขาได้ลงเล่นจนครบ 90 นาที และจบด้วยชัยชนะของทีมชาติ เดนมาร์ก ที่สามารถคว่ำทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ด้วยสกอร์ 4 - 1 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2005





พนันบอลออนไลน์






แยน โมลบี้ ในวัยเพียง 19 ปี เขาได้ฉายแววในการที่จะเป็นนักเตะสตาร์ดัง ด้วยการคว้ารางวัล talent of the year (รางวัลนักฟุตเยาวชนยอดเยี่ยมจากสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก) 2 ครั้งติดต่อกัน นั่นก็คือเมื่อปี่ ค.ศ. 2004 และ 2005 นั่นเอง และเมื่อมาถึงปี ค.ศ. 2006 แอ็กเกอร์ เขาก็ได้บินมาร่วมทัพกับทีม "หงษ์แดง" ลิเวอร์พูล ยังถิ่นสนาม แอนฟิลด์ ซึ่งเขาเข้ามาในช่วงหลังจากที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2005 ที่กรุง อิสตันบลู ได้สดๆร้อนๆ โดยการเซ็นสัญญาซื้อตัวในคราวนี้ ได้รับการให้ความสนใจจากสื่อมวนชลต่างๆมากมายว่าน่าจะเป็นการดีลที่คุ้มค่ามาก กับการที่จ่ายเงินไปมากเลยที่เดียวกับนักเตะคนหนึ่ง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจคว้าตัวเขามาและยอมจ่ายเงินเป็นจำนวน 5.8 ล้านปอนด์ (ราว 314 ล้านบาท) เพื่อแลกกับปราการหลังดีกรีทีมชาติ เดนมาร์ก ซึ่งในตอนนั้นมีอีกหลายทีมยักษ์ใหญ่มนยุโรป ที่ร่วมวงลงล่าตัว แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ มาร่วมทัพด้วยเช่นกันแต่แล้วเขาก็ได้ตัดสินใจเลือกที่จะเล่นให้กับทัพ "หงษ์แดง" และย้ายเข้ามาอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ในที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นจากอดีตจนมาถึงปัจจุบัน (13 มกราคม พ.ศ. 2557) เขาได้ลงสนามให้กับทีมลิเวอร์พูลไปแล้ว 222 นัด และสามารถยิงประตูไปได้ถึง 13 ประตู หลายๆคนอาจจะมองคล้ายๆกันว่า นี่คือหนึ่งในกองหลัง ลิเวอร์พูลที่ดีที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่ที่ทีมเคยมีมา เมื่อฤดูกาลที่ 2013 - 2014 ท่านรองแห่งแอนฟิลด์ถูกมองว่าอาจจะมีอนาคตที่สดใสมากขึ้น หลังจากที่มีการประการอำลาวงการฟุตบอลของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แอ็คเกอร์ เขาก็ยังมีข่าวที่ว่าจะย้ายทีมออกมาอยู่บ่อยๆ และนั่นก็คือสโมสร บาร์เซโลน่า ที่ให้ความสนใจในการจะดึงตัว เซ็นเตอร์แบ็กรายนี้ไปร่วมทัพ พนันบอลออนไลน์










พนันบอลออนไลน์










สุดยอดมิดฟิลด์ในยุคนั้น แยน โมลบี้ เขาได้ตื่นมาลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1984 และได้เติบโตขึ้นที่เมือง ฮวิโดฟ อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เดนมาร์ก เขาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และในบางครั้งที่เขาจะถูกจับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ในปัจจุบันเขาได้เล่นให้กับสโมสร "หงษ์แดง" ลิเวอร์พูล โดยได้เลือกสวมเสื้อหมายเลย 5 พร้อมยังดำรงตำแหน่งรองกัปตันทีมของสโมสรอีกด้วย เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเมื่อปี ค.ศ. 1996 แอ็กเกอร์ เขาได้เข้าร่วมเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของสโมสร บรอนด์บี้ สโมสรชื่อดังในประเทศบ้านเกิดของเขา โดยที่เขาใช้เวลา 4 ปี เต็มๆ (1996 - 2004) กว่าที่เขาจะสามารถก้าวขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้ และหลังจากที่เขาได้ขึ้นไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ขอ บรอนด์บี้ ได้แล้วนั้น แค่ไม่นานเขาไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่ลงสนามไปในฐานะ 11 ตัวจริง แต่เขาได้เป็นถึง "คีย์แมน" ในแผงเกมรับของทีมเลยต่างหาก และในฤดูกาลนั้นเองเขาได้พาทีมต้นสังกัดคว้าดับเบิ้ลแชมป์ นั่นก็คือ เดนิช ซูปเปอร์ ลีก และ เดนิช คัพ เมื่อซีซั่นที่ 2004 - 2005 มาครองไดด้สำเร็จ ความกระหายอันร้อนแรงของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การที่เขาพาทีมคว้า 2 แชมป์นั้น เนื่องจากในเวลาต่อมาเขาได้ถูกเรียกให้ไปรับใช้ทีมชาติ เดนมาร์ก ชุดใหญ่ เขาเริ่มจากการนั่งเป็นตัวสำรองในแมตช์อุ่นเครื่องในนัดที่เอาชนะทีมชาติ ฟินแลนด์ ไปได้ด้วยสกอร์ 1 - 0 เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม ค.ศ. 2005 และในแมตช์อุ่นเครื่องนัดต่อมาต้องไปเจองานแข็งอย่างทีมชาติ อังกฤษ และในนัดนั้นเขาได้ลงเล่นจนครบ 90 นาที และจบด้วยชัยชนะของทีมชาติ เดนมาร์ก ที่สามารถคว่ำทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ด้วยสกอร์ 4 - 1 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2005 และนั่นก็ทำให้เขาโดดเด่นมากขึ้น








พนันบอลออนไลน์










มิดฟิลด์ตัวชน แยน โมลบี้ ในวัยเพียง 19 ปี เขาได้ฉายแววในการที่จะเป็นนักเตะสตาร์ดัง ด้วยการคว้ารางวัล talent of the year (รางวัลนักฟุตเยาวชนยอดเยี่ยมจากสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก) 2 ครั้งติดต่อกัน นั่นก็คือเมื่อปี่ ค.ศ. 2004 และ 2005 นั่นเอง และเมื่อมาถึงปี ค.ศ. 2006 แอ็กเกอร์ เขาก็ได้บินมาร่วมทัพกับทีม "หงษ์แดง" ลิเวอร์พูล ยังถิ่นสนาม แอนฟิลด์ ซึ่งเขาเข้ามาในช่วงหลังจากที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อปี 2005 ที่กรุง อิสตันบลู ได้สดๆร้อนๆ โดยการเซ็นสัญญาซื้อตัวในคราวนี้ ได้รับการให้ความสนใจจากสื่อมวนชลต่างๆมากมายว่าน่าจะเป็นการดีลที่คุ้มค่ามาก กับการที่จ่ายเงินไปมากเลยที่เดียวกับนักเตะคนหนึ่ง ลิเวอร์พูล ตัดสินใจคว้าตัวเขามาและยอมจ่ายเงินเป็นจำนวน 5.8 ล้านปอนด์ (ราว 314 ล้านบาท) เพื่อแลกกับปราการหลังดีกรีทีมชาติ เดนมาร์ก ซึ่งในตอนนั้นมีอีกหลายทีมยักษ์ใหญ่มนยุโรป ที่ร่วมวงลงล่าตัว แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ มาร่วมทัพด้วยเช่นกันแต่แล้วเขาก็ได้ตัดสินใจเลือกที่จะเล่นให้กับทัพ "หงษ์แดง" และย้ายเข้ามาอยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ในที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นจากอดีตจนมาถึงปัจจุบัน (13 มกราคม พ.ศ. 2557) เขาได้ลงสนามให้กับทีมลิเวอร์พูลไปแล้ว 222 นัด และสามารถยิงประตูไปได้ถึง 13 ประตู หลายๆคนอาจจะมองคล้ายๆกันว่า นี่คือหนึ่งในกองหลัง ลิเวอร์พูลที่ดีที่สุดคนหนึ่งตั้งแต่ที่ทีมเคยมีมาเมื่อฤดูกาลที่ 2013 - 2014 ท่านรองแห่งแอนฟิลด์ถูกมองว่าอาจจะมีอนาคตที่สดใสมากขึ้น หลังจากที่มีการประการอำลาวงการฟุตบอลของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แอ็คเกอร์ เขาก็ยังมีข่าวที่ว่าจะย้ายทีมออกมาอยู่บ่อยๆ และนั่นก็คือสโมสร บาร์เซโลน่า ที่ให้ความสนใจในการจะดึงตัว เซ็นเตอร์แบ็กรายนี้ไปร่วมทัพ

























พนันบอลออนไลน์